Monday, October 22, 2018

SEO นั้นคืออะไร


SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึงวิธีการปรับแต่งโครงสร้างหน้าตาของเว็บไซต์ การปรับแต่งโค๊ดต่างๆ ปรับแต่งความเร็วในการเข้าถึงเว็บไซต์ และการเขียนเนื้อหาให้เป็นไปตามความต้องการของ เว็บ Search Engine เช่น เว็บ Google, Bing เป็นต้น ซึ่งผลลัพธ์ปรับแต่งเว็บไซต์ของการทำ SEO จะทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับอยู่ในลำดับต้นๆ ของผลการค้นหาด้วยการใช้คีย์เวิร์ด (Keyword) หรือคำค้นหาที่คุณต้องการและเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณนั่นเอง ในส่วนของการแสดงผลลัพธ์เว็บไซต์จะปรากฏบนเว็บ Search Engine ทางด้านซ้ายของ Search Engine ซึ่งการแสดงผลจะแสดงหน้าละ 10 อันดับ หน้าแรก (อันดับ 1-10) และ หน้าที่สอง ( อันดับ 11-20) ซึ่งการทำ SEO ที่ดีและได้ผลนั้นเว็บที่ทำ SEO ควรที่จะอยู่หน้าแรกแต่ไม่ควรอยู่เกินหน้าที่ 2 ซึ่งจะได้รับการเข้าเยี่ยมชม บ่อยครั้งมากที่สุด ยิ่งอันดับสูงเท่าไรอัตรการคลิกเข้าสู่เว็บก็สูงขึ้นเท่านั้น

ปัจจัยในการทำ SEO มีอะไรบ้าง

ปัจจัยในการทำ SEO มี 7 ข้อหลักๆดังต่อไปนี้
  1. โฮสติ้งหรือที่ๆ เราใช้ฝากเว็บไซต์ของเรานั่นเอง
  2. ชื่อเว็บไซต์หรืออีกอย่างคือโดเมนเนม
  3. Title หรือชื่อจำกัดความของหน้าเว็บไซต์
  4. Description หรือคำอธิบายของหน้าเว็บไซต์
  5. Keyword หรือคำที่ใช้ค้นหาที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
  6. Content หรือเนื้อหาของเว็บไซต์
  7. ความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย

ทำไมเราต้องทำ SEO ?

เพื่อให้เว็บไซต์ของเราได้รับการจัดลำดับ ในอันดับที่ดีขึ้น (ยิ่งเป็นอันดับที่ 1 ใน Keyword นั้น ๆ ด้วยยิ่งดี) เพื่อให้มีคนได้มีโอกาสเข้าเว็บเรามากขึ้นโดยการคลิกที่ลิงค์จากการค้นหาผ่าน Search Engine เพื่อเป็นการประหยัดค่าโฆษณาเว็บไซต์ของเรา ที่ไปติดโฆษณาในที่ต่าง ๆ เพื่อทำให้เว็บไซต์เราสามารถขายสินค้าและบริการได้มากขึ้น (อันนี้เหมาะกับเว็บ e-Commerce และ e-Marketing ต่าง ๆ ) เพราะการค้นหาข้อมูลผ่าน Search Engine มีคนใช้ถึง 81% เราต้องทำให้คนรู้จัก เราให้ได้มากที่สุด การทำ SEO เป็นการประหยัดเวลาระยะยาว (แต่ใช้เวลาทำนานไม่น้อยกว่า 6 เดือน) ถ้าคุณติดลำดับต้น ๆ ในหน้าแรกแล้วจะทำให้เกิดการคลิกและเข้าเว็บเรามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Sunday, October 21, 2018

ทำอย่างไร SEO ถึงโดน google แบน


 ส่วนใหญ่เราอาจเคยได้อ่านบทความเกี่ยวกับวิธีทำ SEO กันอย่างมากมายแพร่หลาย ว่าทำอย่างไรให้ติดอันดับได้ในเวลาอันรวดเร็ว หรือ ทำ SEO อย่างไรให้รั้งอันดับอยู่ได้นานๆ แต่สิ่งที่หลายคนมักจะมองข้ามไปก็คือ มุมมองตรงกันข้าม อย่าง การทำอย่างไรให้เว็บไซต์โดนแบน ซึ่งที่เลือกนำเรื่องนี้มานำเสนอมุมต่างออกไปเพื่อที่จะได้ไม่พลาดจนโดน google แบนทั้งๆที่กำลังทำรายได้ดีนั่นเอง
วิธีทำ SEO  ให้เว็บไซต์โดน google แบน 
สแปมคีย์เวิร์ดอย่างพร่ำเพรื่อ
   ในการทำ SEO คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้คนที่ค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับเว็บไซต์ของเรามองเห็นสินค้า และบริการของเราเป็นอันดับต้นๆ เพราะหมายความว่าเว็บไซต์ที่ถูกคลิกจะมีผลอย่างมากในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและบริการที่เราต้องการขาย แต่ถึงอย่างนั้นหากเราเลือกที่จะใช้คีย์เวิร์ดคำเดียวซ้ำๆ นอกจากจะทำให้เว็บไซต์ของเราดูไม่น่าสนใจ ไม่น่าเชื่อถือแล้ว ยังอาจจะทำให้เกิดความรำคาญให้กับโลกออนไลน์อีกด้วย
ขาดการอัพเดทเนื้อหา บทความ บนเว็บไซต์เป็นเวลานาน
   การที่ปล่อยให้เว็บไซต์ของเราร้าง ไม่อัพเดท นอกจากจะถูกมองว่าไม่น่าสนใจแล้ว ซึ่งต่อให้มีผู้ใช้หลงเข้ามาดูเว็บไซต์ของเราจริงๆ ก็มักจะกลับออกไปในเวลาอันรวดเร็ว และอาจจะไม่กลับเข้ามาชมเว็บไซต์ของเราอีก ซึ่งตรงนี้อาจจะยังไม่มีผลต่อการทำ SEO โดยตรง แต่หากว่าเว็บไซต์ของเรามีความน่าสนใจ มีความเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ และถูกพูดถึงบ่อยๆ ย่อมได้รับความสนใจจาก Google มากกว่าเว็บไซต์ร้างอย่างแน่นอน
ฝากลิ้งค์แบบเน้นปริมาณ
   อีกหนึ่งขั้นตอนการทำ SEO ก็คือ การฝากลิ้งค์ไว้ตามเว็บไซต์ต่างๆเพื่อเก็บ แบคลิ้งค์ (Back link) นั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามหากเราเลือกที่จะฝากเน้นประมาณมาก เช่น วันละ 1000 หรือ 10,000 ลิ้งค์ ภายในวันเดียว ก็ย่อมจะทำให้ Googel มองว่าเว็บไซต์ของเราเป็นสแปม และนอกจากนั้นหากเว็บไซต์ที่ไปฝากลิ้งค์นั้นไม่ได้มีเนื้อหาที่คล้ายคลึง  หรือ มีความเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับเว็บไซต์ของเราด้วยแล้ว ก็จงเตรียมตัวโดนเก็บลงหลุมได้เลย
ก๊อปปี้บทความ เนื้อหา ของเว็บไซต์อื่น
   การก๊อปปี้ ทำซ้ำ นอกจากจะมีความผิดในฐานการละเมิดลิขสิทธิ์แล้ว หากต้องการจะทำ SEO ให้เกิดผลสำเร็จบอกได้เลยว่าไม่ควรอย่างยิ่งที่จะก๊อปปี้เนื้อหาหรือบทความจากเว็บไซต์อื่นมาทั้งหมด (copy – paste) เพราะเนื้อหาหรือบทความ ที่เคยลงในเว็บไซต์อื่นไปแล้วนั้นมักจะถูก อินเด็กซ์ หรือ เก็บเข้าสารบบของ Google ซึ่งหากเรานำเนื้อหานั้นมาขึ้นในเว็บไซต์เราอีก Google ก็จะมองว่าเว็บไซต์ของเราเป็นเว็บไซต์ที่ไร้ซึ่งคุณภาพ และไม่มีความน่าเชื่อถือ ไม่น่าสนใจ
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้



Saturday, October 20, 2018

On-page คืออะไรใน seo

On-page คืออะไร ??

หลายๆคนคงจะรู้จักกันแล้วว่า SEO คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร หากยังไม่มีความรู้หรือยังไม่เข้าใจ สามารถตามลิ้งค์นี้ไปศึกษาก่อนได้เลย
บทความเรื่อง SEO www.izeeseo.com
การปรับแต่งของ SEO นั้นได้แบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ นั่นคือ On-page และ Off-page ถ้าจะให้เปรียบเทียบแบบเข้าใจง่ายๆ การปรับแต่ง SEO โดยอาศัยปัจจัยต่างๆเช่น

ปัจจัยภายใน

SEO On-page คือ การที่เราใช้ทุกอย่างที่สามารถทำได้ใน website เราช่วยในการให้ติดอันดับใน Search engine ไม่ว่าจะเป็น ชื่อโดเมน(Domain name), ชื่อหัวเรื่องหน้าเว็บ(title tag), คำอธิบายหน้าเว็บ(Meta description), link ต่างๆ รวมถึง ตัวอักษร, รูปภาพ และอื่นๆที่สามารถทำได้ในเว็บไซต์เรา

ปัจจัยภายนอก

SEO Off-page คือ การทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับ Search engine โดยที่เราต้องพึ่งพาเว็บไซต์จากภายนอกในการโปรโมทเว็บของเรา การโยง link จากเว็บไซต์อื่นให้มาที่เว็บไซต์ของเรา โดยจะมีหลายแบบยกตัวอย่างเช่น Backlink การทำให้ลิ้งค์เชื่อมต่อมายังเว็บเรา หรือ Linkwheel วงล้อลิ้งค์เป็นต้น ข้อแนะนำการทำ off-page คือไม่ควรทำเป็นสแปม นอกจากจะทำให้ไม่เกิดประโยชน์ใดๆแล้ว ยังทำให้ Google เก็บไปตรวจสอบได้ และถ้าเกิดตรวจแล้วว่าผิดจริง มันจะถูกเก็บลง Sandbox หรืออาจทำให้เว็บไซต์ของเราหายไปไม่ขึ้นใน search engine อีกเลย

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้




Thursday, October 18, 2018


ความหมาย Keyword

Keyword (คีย์เวิร์ด) ความหมาย Keyword ในภาษาของเครื่องคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต คือ คำหรือข้อความที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตพิมพ์ลงไปเพื่อใช้ ในการค้นหาเว็บไซต์ หรือข้อมูลต่างๆ นั่นเอง
ความหมายของ Keyword คีย์เวิร์ด นั้นจะเป็นคำที่ใช้ในการอธิบายรูป ลักษณะของเอกสารนั้น เช่น ชื่อเรื่อง หัวข้อ หัวเรื่อง รายละเอียดอย่างย่อของเอกสาร เพื่อความสะดวก และความรวดเร็ว ในการสืบค้น เอกสารในข้อมูลระบบ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาเว็บเพจ ที่อยู่ในฐานข้อมูลของเสิร์ชเอนจิ้น หรือการสืบค้นเอกสารต่างๆ ในระบบของห้องสมุด เป็นต้น ดังนั้น Keyword คีย์เวิร์ดจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่ง Keyword นี้จะเป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำตัวของหน้าเว็บเพจหรือเรื่องนั้นๆ
เทคนิคของการสร้าง Keyword

การที่เราจะเพิ่มบทความขึ้นมาแต่ล่ะบทความนั้น สิ่งแรกที่เราต้องคำนึงถึงในแง่ SEO หรือ SEM คือ Keyword
1.สร้างบทความขึ้นมาเพื่ออะไร (ถ้าเป็นผมจะตอบว่าเพื่อบันทึกความจำที่ได้ทำขึ้นมา)
2.บทความนี้ Keyword อะไร (Keyword)
3.กลุ่มเป้าหมายคือใคร (ทั่วไปหรือคนที่หลงเข้ามา นั่นก็คือคุณนั้นเอง)
4.อื่นๆ (หลายๆส่วนประกอบกัน)
สร้างบทความขึ้นมา 1 บทความต้องติด Google หรือ Search ให้มาที่สุดของ Keyword นั้นๆเช่นบทความที่ผมสร้างขึ้นมานี้นั้นคำว่า Keyword ดังนั้นค่า Keyword Density ของหน้านี้ต้องมี 5-15% นะครับทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้สำหรับคำว่า Keyword แต่ว่าต้องสื่อให้เข้าใจด้วยนะครับไม่ใช่ว่าจะอัดคำ Keyword เข้าไปจนอ่านแล้วจับใจความไม่ได้
ประเภทของ Keyword

Keyword นั้นแบ่งออกได้หลายประเภทซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเค้าจำกัดไว้กี่ประเภทที่ถูกหลัก แต่จะเอาประเภทของ Keyword ที่ได้ยินบ่อยๆมาเล่าให้ฟังแล้วกันครับ
Niche Keyword คือ keyword ที่มีการเจาะจงจำเพาะในตัวสินค้าหรือเอกสารนั้นๆ keyword จะเป็นกลุ่มคำยาว เช่น Nintendo DS Lite เป็นต้น
Widely Keyword คือ keyword ที่มีความหมายกว้างๆและมักมีปริมาณการค้นหามากมีคู่แข่งมาก เช่น ipod, Nintendo, Blogเป็นต้น
Mass Keywords คือ keyword จำนวนมากที่เกี่ยวข้องในตลาดเดียวกันหรือสินค้าตัวเดียวกันซึ่งสอดคล้องกันในลักษณะชื่อที่คล้ายๆกัน เช่น Nintendo DS, NintendoWii,Nintendo DSroms, NintendoWii game ประมาณนี้
Misspelling Keyword คือ Keyword ที่มีการสะกดคำผิดหรือเขียนผิดประมาณว่าให้ชื่อมันค้ลายๆกับชื่อที่ถูกต้องอาจจะเติม s หรือเติมตัวอักษรเพิ่มเติมเข้ามาเช่นNintendos, Ipods, NNintendo, IIpodเป็นต้น
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Wednesday, October 17, 2018

3 เคล็บไม่ลับ กับการตลาดออนไลน์ด้วยวิธีประหยัด

3 เคล็ดลับในการทำการตลาดออนไลน์

 ในยุคปัจจุบันการทำตลาดออนไลน์ไม่สามารถเจาะจง หรือทำแค่ที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น เพราะผู้คนในปัจจุบันสามารถเข้าถึงการใช้อินเทอร์เน็ตได้มากกว่าการหาข้อมูล ที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาจนเกิดเป็นการติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ได้เปิดให้บริการ และพัฒนามาถึงการทำการตลาดบนสื่อออนไลน์ ที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรายได้ให้กับบุคคลทั่วๆไป หรือบริษัทต่างๆ มากมายในปัจจุบันนี้

1. เน้นการสร้างคอนเทนต์ที่มีสาระและให้ความรู้

เว็บไซต์หลายๆ เว็บไซต์ในปัจจุบันได้หันมาสนใจในการทำตลาดผ่านคอนเทนต์มากขึ้น ดังนั้นในการทำคอนเทนต์คุณจะสร้างแค่เพียงความแตกต่างของเนื้อหาอย่างเดียวก็คงจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จอย่างยืนยาว นั่นก็คือ การสร้างคอนเทนต์ที่มีสาระและให้ความรู้ ที่ไม่ว่าระยะเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน คอนเทนต์ของคุณก็สามารถสร้างประโยชน์ให้กับผู้ที่เข้ามาอ่านได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคอนเทนต์เหล่านี้จะสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ และสินค้าของคุณได้เป็นอย่างดี เพียงแต่คุณอาจจะต้องเสียเวลาในการหาข้อมูล หรือเรียบเรียงเนื้อหาสักเล็กน้อย เท่านี้การทำ การตลาดออนไลน์ ด้วยคอนเทนต์ ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายแม้แต่นิดเดียวในการจัดทำ เพราะคุณสามารถทำเองได้


2. ใช้ Facebook ควบคู่เพื่อส่งต่อเรื่องราว

Facebook นอกจากจะเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานอย่างแพร่หลายแล้ว Facebook ยังนับว่าเป็นเครื่องมือในการทำ การตลาดออนไลน์ ที่มีประสิทธิภาพสูงอีกหนึ่งเครื่องมือ ที่คุณแทบจะไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดเลยในบางครั้ง เพราะตัว Facebook นั้น สามารถสร้างแฟนเพจเฟสบุ๊ค (Fan Page Facebook) เป็นของคุณเองได้ และคุณสามารถลงขายสินค้าของคุณได้ทันทีที่สร้างแฟนเพจเสร็จ แต่หากว่าคุณใช้แฟนเพจเฟสบุ๊คในการทำการตลาดอยู่แล้ว คุณก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของแฟนเพจ ด้วยการใช้แฟนเพจเป็นช่องทางส่งต่อเรื่องราวของคุณให้กับลูกค้าอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งโปรโมชั่น การแนะนำสินค้าใหม่ๆ การแจ้งกิจกรรมกำหนดการต่างๆ ก็สามารถทำได้อย่างทั่วถึง และรวดเร็วโดยที่คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติมให้เปลืองงบประมาณในการลงทุน

3. เน้นการทำกิจกรรมบน Google

การทำกิจกรรมการตลาดบนกูเกิลนั้นมีหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO (Search engine optimization) เพื่อทำให้เว็บไซต์ หรือร้านค้าของคุณขึ้นไปอยู่อันดับต้นๆ ของการค้นหาบนเสิร์ชเอ็นจิ้นอย่างกูเกิล ที่คุณสามารถทำด้วยตัวเองได้ แต่อาจต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมสักเล็กน้อย ซึ่งวิธีนี้คุณก็ไม่จำเป็นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายแม้แต่น้อย แต่ถ้าหากว่าคุณไม่มีความรู้และคิดว่าไม่สามารถทำเองได้จริงๆ ก็สามารถทำการจ้างผู้ที่มีความรู้มาช่วยในเรื่องนี้ได้ เช่นเดียวกับการทำโฆษณาบนกูเกิล (Adwords) ที่จะส่งเว็บไซต์หรือร้านค้าของคุณให้ขึ้นไปอยู่ด้านบนสุดของการค้นหา เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณถูกค้นเจอได้ง่ายขึ้น ซึ่งการทำกิจกรรมบนกูเกิลนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถึงแม้ว่าคุณจะทำการตลาดบนแพลตฟอร์มอื่นๆ อยู่แล้วแต่คุณก็ไม่ควรลืมการทำตลาดบนกูเกิลเด็ดขาด
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Tuesday, October 16, 2018

Off-page SEO สำคัญยังไง

สำคัญมาก!
Off-page SEO หรือการสร้าง Backlink จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพนั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดที่ Google และ Search Engine ตัวอื่นๆ พิจารณา เพราะมันบ่งบอกถึงคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และชื่อเสียงเว็บไซต์ของคุณ (ถ้าอยากอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Search Engine Guideline ของ Google คุณสามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่) และแน่นอนว่ามันส่งผลต่ออันดับบน Google และโอกาสที่คนจะเจอเว็บไซต์ของคุณจากการ Search
ตัวอย่างเช่น ถ้าเว็บด้านการตลาดชื่อดังของประเทศไทยอย่าง  Izeeseo ส่ง Backlink กลับเข้ามาหา Content Shifu เพราะเห็นว่า Content Shifu มีเนื้อหาเกี่ยวกับการตลาดที่น่าสนใจ Google ก็จะคิดว่า Content Shifu เป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพในสายการตลาด ซึ่งจะส่งผลให้อันดับบน Google ของ Content Shifu ดีขึ้น (เหมือนยกตัวอย่างไป อ้อนไป ยังไงก็ไม่รู้แฮะ ฮ่าๆ)
วิธีการทำ Off-page SEO แบบง่ายๆ
จริงๆ แล้ววิธีการทำ Off-page SEO นั้นมีร้อยแปด พันเก้าเทคนิค แต่ผมจะขอแชร์เทคนิคที่ผมคิดว่าทำง่าย อ่านจบปุ๊ป สามารถเอาไปทำได้ทันทีเลยแล้วกันนะ
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้


Saturday, October 13, 2018

SEO คืออะไร(สำหรับคนที่ไม่รู้จัก)


ปัจจัยในการทำ SEO นั้นมี 7 ข้อหลักๆดังต่อไปนี้
  1. โฮสติ้งหรือที่ๆ เราใช้ฝากเว็บไซต์ของเรา
  2. ชื่อเว็บไซต์หรือโดเมนเนม
  3. Title หรือชื่อจำกัดความของหน้าเว็บไซต์
  4. Description หรือคำอธิบายของหน้าเว็บไซต์
  5. Keyword หรือคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
  6. Content หรือเนื้อหาของเว็บไซต์
  7. ความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย

    ทำไมเราจึงต้องทำ SEO ?

  เพื่อให้เว็บไซต์ของเราได้รับการจัดลำดับ ในอันดับที่ดีขึ้น (ยิ่งเป็นอันดับที่ 1 ใน Keyword นั้น ๆ ด้วยยิ่งดี) เพื่อให้มีคนได้มีโอกาสเข้าเว็บเรามากขึ้นนั่นเองโดยการคลิกที่ลิงค์จากการค้นหาผ่าน Search Engine เพื่อเป็นการประหยัดค่าโฆษณาเว็บไซต์ของเราไปในตัว ที่ไปติดโฆษณาในที่ต่าง ๆ เพื่อทำให้เว็บไซต์เราสามารถขายสินค้าและบริการได้มากยิ่งขึ้น (อันนี้เหมาะกับเว็บ e-Commerce และ e-Marketing ต่าง ๆ ) เพราะการค้นหาข้อมูลผ่าน Search Engine มีคนเข้าใช้ถึง 81% เราต้องทำให้คนรู้จัก เราให้ได้มากที่สุด การทำ SEO เป็นการประหยัดเวลาระยะยาว (แต่ใช้เวลาทำนานไม่น้อยกว่า 6 เดือน) ถ้าคุณติดลำดับต้น ๆ ในหน้าแรกแล้วจะทำให้เกิดการคลิกและเข้าเว็บเรามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

     SEO ทำอย่างไร ?

วิธีการทำ SEO สามารถแบ่งได้ตามปัจจัยในการทำ SEO ซึ่งหลักๆมีดังต่อไปนี้
  1. ควรเลือกโฮสติ้งที่ดีมีมาตรฐานไม่ล่มบ่อย มี bandwidth ในการเข้าถึงที่ดีจากต่างประเทศเพราะ bots หรือ spider ของเว็บ Search Engine นั้นมาจากต่างประเทศเป็นหลัก
  2. ชื่อเว็บไซต์หรือโดเมนเนม ควรใช้ชื่อที่สื่อความหมายได้ตรงกับสินค้าหรือตรงกับ keyword ที่เราต้องการทำ SEO
  3. Title หรือชื่อจำกัดความของหน้าเว็บไซต์ ต้องมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันกับ keyword ที่เราต้องการทำ SEO
  4. Description หรือคำอธิบายของหน้าเว็บไซต์ ต้องสามารถอธิบายและขยายความ title ที่เรากำหนดได้เป็นอย่างดีและสั้นกระชับได้ใจความ
  5. Keyword หรือคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ และต้องตรงกับ keyword ที่เราต้องการทำ SEO
  6. Content หรือเนื้อหาของเว็บไซต์ ต้องเขียนขยาย description อีกทีนึงให้รายละเอียดที่ครบถ้วน
  7. ความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย เช่นการใช้ SSL เข้ามาช่วยในการเข้ารหัสการส่งข้อมูลระหว่างเครื่องลูกค้ากับเครื่อง server แม่ข่ายอีกที

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Friday, October 12, 2018

Social Media ไหนที่นักลงทุนควรใช้ทำการตลาดมากที่สุด

เมื่อเราตั้งคำถามง่ายๆ กับนักการตลาดว่า “ชอบใช้แพลตฟอร์ม Social Media ไหนมากที่สุด?” คงไม่ต้องเดาคำตอบให้ยาก “Facebook” แน่นอนอยู่แล้ว เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก ทั้งการใช้ส่วนตัว หรือใช้สำหรับทำธุรกิจ
จากผลสำรวจล่าสุดของ Clutch ที่เก็บข้อมูลจากนักการตลาดออนไลน์ 304 คน ซึ่งมาจากองค์กรที่มีพนักงานมากกว่า 100 คน และ 62% ของกลุ่มสำรวจมาจากองค์กรที่มีพนักงานมากกว่า 500 คน พบว่า 97% ของนักการตลาดแบบ B2C และ 95% ของนักการตลาดแบบ B2B ใช้ Facebook เป็นช่องทางในการทำตลาด/ธุรกิจ ตามมาด้วย Twitter, YouTube, LinkedIn, Instagram และ Google+
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้


socialmedia-clutch-210716
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้


Thursday, October 11, 2018

รับทำ Seo ด้วยทีมงานมืออาชืพ



Google AdWords การทำโฆษณาแบบ Pay Per Click (PPC) ซึ่งเป็นการทำโฆษณาในรูปแบบหนึ่งของ Google Advertising คือ การทำโฆษณาบนหน้า Google ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการ ซึ่งเมื่อคลิกที่โฆษณานั้นก็จะลิงก์ไปยังเว็บไซต์ ที่เรากำหนดไว้ได้ทันที ซึ่งคุณจะเสียค่าใช้จ่ายเมื่อมีคนคลิกเท่านั้น แต่ถ้าชมอย่างเดียว ไม่มีการคลิก ก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยโฆษณาของคุณจะปรากฏตามคีย์เวิร์ด ที่คุณเลือก ซึ่งเว็บไซต์ของคุณจะต้อง อยู่ในส่วน Sponsored ของ Google สังเกตุจากเมื่อเราค้นหาอะไรซักอย่างจาก Google ผลที่ได้จากการค้นหาจะมีกรอบสี่เหลี่ยมอยู่ด้านบน และด้านขวาเสมอ

ข้อดีของการทำ Google AdWords (PPC)

  •  การทำ Google AdWords ใช้เวลาภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อให้โฆษณา ปรากฎได้ทันที
  •  การทำ Google AdWords สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ทันทัน โดย
    • สามารถเลือกตลาดที่จะทำได้ เช่น ทำเฉพาะประเทศไทยประเทศเดียว หรือหลายประเทศ
    • สามารถเลือกภาษาของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ เช่น เป็นภาษาอังกฤษ ภาษาจีน หรือ ภาษาอื่นๆ ก็ได้
    • สามารถเลือกได้ว่าจะแสดงผลที่ใดบ้าง เช่น ใน Google อย่างเดียว, บริการทุกอย่างของ Google (Google Content Network) และ Partner ของ Google ก็ได้
  •  การทำ Google AdWords ไม่ต้องเสียเวลาการปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์
  •  การทำ Google AdWordsสามารถเลือกช่วงเวลาที่จะแสดงโฆษณาในแต่ละวันได้
  •  การทำ Google AdWords สามารถใช้คีย์เวิร์ด ได้ไม่จำกัดจำนวนและยังสามารถแก้ไข หรือเปลี่ยน แปลงคีย์เวิร์ด และ ข้อความโฆษณาต่างๆได้ตลอดเวลา ตามต้องการ
  •  การทำ Google AdWordsสามารถกำหนดงบประมาณประจำวันได้เอง

ประโยชน์ของการทำ Google Adwords (PPC)

  •  การทำ Google AdWords สามารถโฆษณาได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ
  •  การทำ Google AdWords ทำให้มีคนรู้จักเว็บไซต์คุณมากขึ้น
  •  การทำ Google AdWords เพิ่มโอกาสในการขายและทำให้ผู้คนเข้าถึงธุรกิจได้มากขึ้นอย่าง รวดเร็ว
  •  การทำ Google AdWords ได้รับผลกำไรกลับคืนมาก แต่เสียค่าใช้จ่ายน้อย
  •  การทำ Google AdWords ไม่ต้องเสียเวลาในการปรับแต่งโครงสร้างของเว็บไซต์
  •  การทำ Google AdWords สามารถขยายตลาดให้ครอบคลุมทั่วโลกได้

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Tuesday, October 9, 2018

ใช้โซเชียลมีเดียอย่างไรให้เป็นประโยชน์


  การทำการตลาดสำหรับ ธุรกิจขนาดย่อม โดยเลือกช่องทางของสื่อ Social Media ไม่ว่าจะเป็นการทำโฆษณา หรือการกระจายข่าวสารไปสู่กลุ่มลูกค้าตามแพลตฟอร์มที่คุณได้เลือกไว้ เพื่อสร้างการรับรู้การมีตัวตนของสินค้าและบริการให้กับผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง ในระยะเวลาอันสั้น และสามารถติดตามผลตอบรับ หรือกระแสตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วทันใจ ที่สุดหากเทียบกับการทำการตลาดในรูปแบบอื่นๆ
ด้วยข้อดีของการใช้ Social Media เหล่านี้ หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังเริ่มต้นทำธุรกิจขนาดเล็ก และอยากใช้ สื่อโซเชียลมีเดียเข้ามาเป็นตัวช่วยในการทำการตลาด แต่ก็ขาดประสบการณ์ หรือใช้งานโซเชียลมีเดียในการทำการตลาด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้ไม่ดีนัก Izeeseo Marketing ขอแนะนำการใช้ Social Media อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับ ธุรกิจขนาดเล็ก ดังนี้
1. ใช้ในการโปรโมทสินค้าใหม่ การใช้โซเชียลมีเดียให้เกิดประโยชน์ในการทำธุรกิจก็คือ การโปรโมทสินค้าผ่านสื่อโซเชียลไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม Facebook, Instagram, Twitter และอีกหลายๆ แพลตฟอร์มที่คุณใช้ เพื่อทำให้กลุ่มเป้าหมายทราบถึงการมีตัวตนของสินค้าเป็นจำนวนมาก และถือได้ว่าการโปรโมทสินค้าผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เป็นวิธีที่สามารถรู้ผลตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว
2. จัดกิจกรรมบนโซเชียลมีเดีย การจัดกิจกรรมบนโซเชียลมีเดียเป็นวิธีที่ดี ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของธุรกิจ กับกลุ่มลูกค้า และยังสามารถเพิ่มโอกาสในการติดตามของผู้เข้าชมใหม่ๆ ได้อีกด้วย โดยการจัดกิจกรรมต่างๆ บนแพลตฟอร์มที่คุณเลือก สามารถทำออกมาในรูปแบบของการตอบคำถามเพื่อชิงรางวัล หรือกิจกรรมอะไรก็ได้ที่สอดคล้องกับธุรกิจของคุณ
3. ใช้ในการกระจายข่าวสาร โดยข่าวสารนี้ก็คือข่าวสารทั้งหมดที่คุณต้องการแจ้งให้ลูกค้าทราบ ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำโปรโมชั่นใหม่ๆ การแจ้งเวลาสำหรับการเริ่มต้น หรือการปิดโปรโมชั่นในแต่ละครั้งของคุณ หรือการแจ้งกำหนดการต่างๆ ภายในธุรกิจของคุณที่กลุ่มเป้าหมายจำเป็นจะต้องรู้ โดยการใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการกระจายข่าวสารจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ประหยัดเวลามากขึ้น และทำให้อัตราการรับรู้ข่าวสารของกลุ่มเป้าหมายเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้



Monday, October 8, 2018

ไทยแลนด์ 4.0 นั้นเหมาะกับธุระกิจของคุณมั้ย

ไทยแลนด์ 4.0 เป็นยุคของการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจกับลูกค้าให้ถึงกันได้ง่ายขึ้น มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เรามาดูกันครับว่า วิธีการทำการตลาดแบบ Marketing 4.0 จะเหมาะกับธุรกิจของคุณหรือไม่

1. ยุคแห่งข้อมูล 

ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะซื้อของกิน ของใช้ จะชิ้นเล็ก ชื้นใหญ่ สิ่งแรกที่เราทำ คือ หยิบมือถือมา search หาข้อมูลสินค้า หารีวิว เปรียบเทียบราคา ก่อนตัดสินใจซื้อ

ดังนั้น หากกลุ่มเป้าหมายของคุณ มีพฤติกรรมค้นหาข้อมูลสินค้าบนอินเทอร์เน็ตก่อนตัดสินใจซื้อ การตลาดที่คุณควรทำ คือ

  
 
นำเสนอสินค้าและธุรกิจของคุณบนสื่อออนไลน์ และทำให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย เช่น เมื่อกลุ่มเป้าหมายค้นหาสินค้า ชื่อสินค้าของคุณควรอยู่ในหน้าแรกของผลการค้นหา การโฆษณาบน social                network หรือแม้แต่การทำวิดีโอโฆษณาบน YouTube

  
 
โฆษณาให้เห็นประโยชน์ของสินค้า ว่าจะช่วยให้ชีวิตของลูกค้าดีขึ้นอย่างไร
  

 
เจาะกลุ่มเป้าหมาย อย่าเน้นปริมาณ การโฆษ
ณาที่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย นอกจากจะไม่ได้รับความสนใจแล้ว หลายครั้งเป็นการรบกวนผู้รับเสียอีก

2. สังคมแห่งความคิดเห็น

การเปิดกว้างในการแสดงความคิดเห็นเช่นปัจจุบัน ลูกค้ายินดีในการมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นในการปรับปรุงสินค้า และการให้บริการ ซึ่งธุรกิจควรมองว่า คำแนะนำของลูกค้า คือ หนึ่งในกระบวนการพัฒนาสินค้า

ดังนั้น หากกลุ่มลูกค้าของคุณเป็นผู้ใช้ social network ในชีวิตประจำวัน การตลาดที่คุณควรทำ คือ

  
 
สร้างช่องทางให้ลูกค้าได้แสดงความคิดเห็นโดยตรงกับบริษัท ไม่ว่าจะเป็น FacebookLINEหรือผ่านหน้า website

  
 
จัดตั้งทีมงานที่คอยดูแลรับความคิดเห็น คำติชมจากลูกค้า และสามารถตอบคำถามหรือคลายความสงสัยให้กับลูกค้าได้ในเบื้องต้น

3. เชื่อมโยง 

“ลูกค้าไปเดินเล่นห้างสรรพสินค้าแล้วเกิดถูกใจรองเท้าในร้านของคุณ เธอลองสี ลอง size เรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ จนกลับไปถึงบ้านแล้วเกิดอยากได้ขึ้นมา เธอจึงสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์แทน” เหตุการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องปกติใช่ไหมครับ

ดังนั้น หากกลุ่มลูกค้าของคุณ มีประสบการณ์ในการซื้อของออนไลน์เป็นประจำอยู่แล้ว การตลาดที่คุณควรทำ คือ

  
 
สร้างช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ เพิ่มเติมจากบริการหน้าร้าน

  
 
เตรียมระบบ เช่น รวบรวมฐานข้อมูลของสมาชิกจากระบบหน้าร้าน และระบบออนไลน์เข้าด้วยกัน

  
 
เชื่อมโยงเพราะไม่ว่าจะหน้าร้านหรือโลกออนไลน์ก็คือร้านเดียวกัน เช่น ลูกค้าที่เป็นสมาชิกอยู่ เมื่อสะสมแต้มได้ถึงยอด สามารถไปรับของสมนาคุณได้ที่สาขาของร้าน

4. Virtual Experience

อันนี้อาจจะล้ำอยู่สักหน่อยครับ แต่เป็นหนึ่งในวิธีการตลาดที่เริ่มใช้กันบ้างแล้ว โดยเชื่อมโยงสินค้าเข้าสู่โลกเสมือนจริง เช่น ลูกค้าสามารถทดลองใช้ไม้กอล์ฟในร้าน ตีลูกกอล์ฟที่เชื่อมต่อเข้ากับระบบวัดความแรงและทิศทางของการตี และแสดงผลเสมือนจริงให้เห็นในจอ Projector ว่าลูกตีไปไกลแค่ไหน และไปในทิศทางใด เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของไม้ ทำให้ลูกค้าสามารถลองใช้งานได้จริงโดยที่ยังไม่ต้องซื้อสินค้า และมีประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้าที่ดีอีกด้วย หรือการเล่นเกมส์เก็บคะแนน เพื่อนำมาใช้แลกสินค้าที่ใช้ได้ในชีวิตจริงหรือใช้เป็นส่วนลดจากร้านค้า โดยวิธีเหล่านี้ ธุรกิจสามารถเก็บข้อเสนอแนะจากลูกค้า ทั้งใช้เป็นช่องทางในการโฆษณาสินค้า ก่อนวางออกขายได้ด้วย

ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และการใช้งานอย่างแพร่หลายของโลกอินเทอร์เน็ต ทำให้ธุรกิจและลูกค้ามีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น การปรับใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้บริโภคจึงนับเป็นสิ่งจำเป็นในการอยู่รอดของธุรกิจในยุคสมัยนี้ครับ

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Friday, October 5, 2018

ทำยังไงการตลาดออนไลน์ให้ยอดขายปังๆ

ในวันนี้เรามาดูวิธีที่จะสร้าง การตลาดออนไลน์ ให้ยอดขายเราพุ่งกระฉูดกันดีกว่า

1. สร้างความแตกต่าง

 เป็นหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดในการขายสินค้านั้นต้องหาความแตกต่างเพื่อที่จะดึงดูดใจลูกค้าให้มาชื่นชอบสินค้าของเรา หรือไม่ดึงสิ่งที่เป็นตัวเราออกมาให้มากที่สุด ลองดูสิ สินค้าเหมือนกันแต่มีเอกลักษณ์ในการขายต่างกัน คุณว่าแบบไหนจะขายดีมากกว่าครับ

2. เน้นการทำ SEO

 เป็นการโปรโมทเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้นๆ ในการค้นหาด้วยการใช้ keyword เมื่อติดอันดับต้น ๆ แล้ว คนก็จะคลิกเข้ามาที่เว็บไซต์ของเรามากขึ้น โอกาสที่เว็บไซต์จะเป็นที่รู้จักก็มีมาก ทำให้โอการที่สินค้าเราจะขายได้ก็มีมากเช่นกัน

3. ใช้ Social ให้คุ้มค่า

สังคมออนไลน์อย่าง facebook, twitter หรือ Instragram ที่รู้จักในเวลานี้ นับว่าเป็นช่องทางทำการตลาดทำให้คนรู้จักกันอย่างกว้างขวางและเป็นการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดการบอกต่อได้อย่างง่ายดาย

4. หมั่นสร้างแคมเปญให้ต่อเนื่อง

ลด แลก แจก แถม ควรจัดให้ลูกค้า อย่างสม่ำเสมอ เพราะมีการแข่งขันกันสูงในร้านค้าออนไลน์ต่างๆ ในหมวดสินค้าตัวเดียวกัน ดังนั้นในการขายเราจะต้องมีกลยุทธ์ในการเรียกลูกค้า เทคนิคเหล่านี้ก็จะถือเป็นข้อได้เปรียบกว่าร้านค้าออนไลน์อื่นๆ อย่างมากในการตัดสินใจเลือกช็อปสินค้าเรา

5. สร้างลูกค้าขาจรให้เป็นขาประจำ

ลูกค้าถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราต้อง สร้างความประทับใจในการซื้อขายให้กับลูกค้า ครั้งต่อไปเขาจะได้กลับมาซื้อร้านเราบ่อยๆ จนกลายเป็นลูกค้าขาประจำ เพราะหากลูกค้าเบี่ยงเบนความสนใจจากร้านคุณไปร้านอื่นแล้วคงยากที่จะเรียกกลับมา การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าและสร้างความพึงพอใจนั้นเป็นสิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เพราะการหาลูกค้าใหม่นั้นยากกว่าการรักษาลูกค้าเก่าหลายเท่านัก

เป็นยังไงกันบ้างครับ เทคนิคง่ายๆ ด้วยสองมือเราเองสามารถทำได้เอง ปังเอง การสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ทั้งระหว่างการซื้อขาย จากการให้บริการและคำแนะนำสินค้า รวมไปถึงการซื้อขาย ด้วยการให้บริการหลังการขายในรูปแบบต่างๆ
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้