1. ทุกๆ บทความที่เขียน ต้องมี Keyword
Keyword คือ คำสำคัญ หรือ วลีสำคัญ ที่เราอยากให้คนเจอเรา เวลาเซิร์จด้วยวลีนี้
เมื่อก่อนเวลาจะเขียน ขอแค่คิดชื่อเรื่อง โครงเรื่อง และเล่าเรื่องไปตามนั้น ก็จบแล้ว แต่พอมาเขียนออนไลน์ปุ๊บ ก็ต่างกัน เพราะต้องคิดเผื่อว่า ไอ้สิ่งที่เรากำลังเขียนอยู่นี่ คนแบบไหนเขาถึงจะมาเซิร์จเจอ แล้วเขาจะเซิร์จเจอด้วยคำว่าอะไร
เมื่อก่อนเวลาจะเขียน ขอแค่คิดชื่อเรื่อง โครงเรื่อง และเล่าเรื่องไปตามนั้น ก็จบแล้ว แต่พอมาเขียนออนไลน์ปุ๊บ ก็ต่างกัน เพราะต้องคิดเผื่อว่า ไอ้สิ่งที่เรากำลังเขียนอยู่นี่ คนแบบไหนเขาถึงจะมาเซิร์จเจอ แล้วเขาจะเซิร์จเจอด้วยคำว่าอะไร
ยกตัวอย่างมุมมองการเลือกคีย์เวิร์ด
- คิดในมุมผู้ใช้ คนที่สนใจบทความนี้ น่าจะสนใจอะไร
ถ้าหากเราต้องเขียนบทความในฐานะเว็บ Fictionlog เอง เพื่อเป็นการโปรโมทให้คนมาใช้งาน เราจะมีแต่บทความที่มีคีย์เวิร์ดเป็นชื่อของตัวเองไม่ได้ ทีนี้คีย์เวิร์ดที่เราควรใช้ก็จะเป็นจำพวก “อ่านนิยายออนไลน์” “อยากเป็นนักเขียนนิยาย” ฯ เพราะเราอยากให้คนที่เซิร์จด้วยวลีเหล่านี้เจอเรา
- ศึกษาค้นคว้าคีย์เวิร์ด (Advanced ขึ้นอีกนิด)
ตัวอย่าง “อ่านนิยายออนไลน์”, “อยากเป็นนักเขียนนิยาย” เป็นตัวอย่างที่นึกขึ้นมาเอง แต่ถ้าอยากวิเคราะห์จริงจัง ก็สามารถทำ Keyword research อย่างเช่น ใช้โปรแกรม Google Keyword Planner ลองทดสอบวลีที่จะใช้ได้ โดยมันจะช่วยบอก Volume ปริมาณการเซิร์จของคีย์เวิร์ด รวมถึงปริมาณการแข่งขันของคีย์เวิร์ดนั้นๆ อีกด้วย (ซึ่งเหมาะสำหรับดูเพื่อการลงโฆษณา) แต่อีกประโยชน์คือ มันเอาไว้ใช้ช่วยหาวลีที่ใกล้เคียงกันได้
2. วางในจุดยุทธศาสตร์ทั้งห้า
Google ให้ความสำคัญกับเนื้อหาแต่ละส่วนไม่เท่ากัน ถ้าอยากบอก Google ว่า นี่เป็นวลีสำคัญนะจ้ะ ก็ให้ใส่เข้าไปในจุดสำคัญทั้งห้า ดังต่อไปนี้
- Title หรือ ชื่อบทความ
- URL ชื่อลิงก์ของบทความ (เรียกอีกอย่างว่า Slug)
ถ้าคีย์เวิร์ดของคุณเป็นภาษาอังกฤษ ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเกิดเป็นภาษาไทย คุณอาจจะต้องเลือกระหว่างไม่ใส่มันลงไป กับใช้ไปเลย ซึ่งข้อเสียคือ URL จะไม่สวยและอาจเละได้ - Description หรือ คำบรรยายบทความ
ซึ่งโดย default แล้ว จะหมายถึงย่อหน้าแรก แต่เราก็สามารถปรับเปลี่ยน description เองได้เหมือนกัน ถ้าคุณใช้ WordPress ก็สามารถโหลด SEO plugin เช่น Yoast SEO แล้ว Edit แก้ไขได้
- ชื่อภาพ และ Alt Text ของภาพ
หลายๆ คนอาจไม่ทราบว่า ชื่อของรูปภาพก็ส่งผลต่อ SEO ด้วย ก่อนอัปโหลดควรตั้งชื่อให้มีคีย์เวิร์ด และเมื่ออัปโหลดเข้าไปแล้ว ให้คลิกแก้ไขรูปภาพ และใส่คีย์เวิร์ดใน Alternative Text ด้วย (ปกติแล้ว Alt Text มีไว้สำหรับเวลาที่ภาพโหลดไม่ขึ้น ก็จะโชว์เพื่อบอกว่ารูปภาพนี้เกี่ยวข้องกับอะไร)
ถ้าถามเรา เราว่าจุดที่ท้าทายที่สุดคือ Headings
ถ้าเป็นนักเขียนนิยาย หรือเขียนเรียงความ ก็อาจจะชินกับการเขียนเป็น Paragraph ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมีหัวข้อแทรกเรื่อยๆ แต่ถ้าเปลี่ยนมาเขียนบทความ Headings สำคัญมาก ไม่เฉพาะกับ SEO แต่ยังสำคัญต่อการช่วยให้อ่านง่ายด้วย
เคสเทคโนโลยี Blockchain ที่เราเขียนยังไม่ยากมาก สามารถเขียนว่า “Blockchain คืออะไร”, “การทำงานของ Blockchain” ลงไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่มันจะมีบางเคสเหมือนกันที่การเขียนให้เป็นธรรมชาติค่อนข้างท้าทาย
ถ้าเป็นนักเขียนนิยาย หรือเขียนเรียงความ ก็อาจจะชินกับการเขียนเป็น Paragraph ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมีหัวข้อแทรกเรื่อยๆ แต่ถ้าเปลี่ยนมาเขียนบทความ Headings สำคัญมาก ไม่เฉพาะกับ SEO แต่ยังสำคัญต่อการช่วยให้อ่านง่ายด้วย
เคสเทคโนโลยี Blockchain ที่เราเขียนยังไม่ยากมาก สามารถเขียนว่า “Blockchain คืออะไร”, “การทำงานของ Blockchain” ลงไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่มันจะมีบางเคสเหมือนกันที่การเขียนให้เป็นธรรมชาติค่อนข้างท้าทาย
สมมติว่านายปิติเป็นคนขายผลไม้ ผลไม้ที่เขาขายมีตั้งแต่ แอปเปิ้ล มะละกอ กล้วย ส้ม เขาอยากจ้างคุณเขียนบทความซึ่งมีไอเดียว่า “4 ผลไม้ ลดความอ้วน” โดยเนื้อหาก็จะเป็นการพูดถึงทั้งสี่ผลไม้ที่เขาขาย แทนที่แต่ละหัวข้อจะเป็น 1. แอปเปิ้ล 2. มะละกอ 3. กล้วย 4. ส้ม เขาก็ต้องใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปอีกนิด อาจจะเขียนว่า
1. ลดความอ้วน ด้วยแอปเปิ้ล
2. มะละกอ ช่วยขับถ่าย ลดความอ้วน
3. กล้วยหอม อิ่มท้อง ไม่ต้องอด
4. ลดน้ำหนัก แถมหวานฉ่ำ ต้องทานส้ม
2. มะละกอ ช่วยขับถ่าย ลดความอ้วน
3. กล้วยหอม อิ่มท้อง ไม่ต้องอด
4. ลดน้ำหนัก แถมหวานฉ่ำ ต้องทานส้ม
เป็นต้น ค่ะ ถ้าใส่คีย์เวิร์ดได้ก็ใส่ ถ้าเยอะไปก็เปลี่ยนบ้าง ใส่พวก Synonym หรือคำที่มีความหมายใกล้เคียงเข้าไปแทน จะเห็นได้ว่า การมีโฟกัสคีย์เวิร์ดชัดเจน อย่างเรื่องผลไม้ลดความอ้วน ก็ช่วยให้คุณรู้ว่าควรจะเขียนอะไร ไม่โนไอเดีย แต่ถ้านายปิติยังไม่ชอบ ก็เปลี่ยนเป็นเขียนโฟกัสให้มากขึ้นแทนก็ได้ แทนที่จะเขียนถึงผลไม้สี่อย่าง ก็แยกบทความต่างหากก็ได้ เอาให้คนรู้กันไปเลยว่ากล้วยของนายปิติมันเจ๋งขนาดไหน! (อย่าคิดลึก : P)
เคยมีคนถามเข้ามาหลังไมค์ว่า ทำไมเห็นหลายเว็บ โดยเฉพาะเว็บข่าว ก็มีอันดับบน Google ที่ดี โดยที่ไม่ได้ใส่ Keyword ใน URL เลย
คำตอบคือ เว็บข่าวไม่ตั้งชื่อ เพราะ 1. ความง่ายและเร็วในการบริหารจัดการ 2. เว็บข่าวทำงานอยู่บนพื้นฐานว่า ‘เก่าไปใหม่มา’ แทนที่จะเสียเวลาทำ SEO ของเก่า เอาเวลาไปทำของใหม่ดีกว่า แต่หากเราไม่ใช่เว็บข่าว การเขียนโดยใส่คีย์เวิร์ดลงในชื่อบทความหรือ URL เป็นข้อปฏิบัติที่เราควรสามารถทำได้ เพราะบทความที่ดีควรมีประเด็นที่จะสื่อสารชัดเจน และคีย์เวิร์ดเราก็ควรใช้สื่อสารประเด็นนั้นๆ ได้
ยังไงก็ตาม URL เป็นหนึ่งในร้อยๆ พันๆ ปัจจัย การใส่หรือไม่ใส่ อาจไม่ได้ให้ผลลัพธ์พุ่งกระโดดก็ได้ นั่นทำให้เว็บข่าว (ซึ่งมักมี Authority สูง) ยังสามารถมี SEO ที่ดีในตัวเองได้เหมือนกัน > หากสนใจข้อมูลปัจจัย SEO เพิ่มเติม ข้อแนะนำคอร์ส SEO คอร์สนี้ค่ะ
3. กระจายตัวอย่างเป็นธรรมชาติ ในบทความ
แน่นอนว่าคีย์เวิร์ดไม่ใช่ใส่ลงไปในจุดยุทธศาสตร์ทั้งห้าอย่างเดียว แต่ควรมีเขียนถึงในเนื้อบทความบ้าง เราใช้คำว่าบ้าง แปลว่า ไม่ควรใส่มากเกินไปเช่นกัน เพราะ Google จะมองว่าเราพยายามใส่มากเกินไป คำแนะนำส่วนใหญ่บอกว่า Keyword density ไม่ควรเกิน 2.5% ซึ่ง Keyword density หมายถึงสัดส่วนของคีย์เวิร์ดเมื่อเทียบกับปริมาณ Text ทั้งหมดในบทความ คำแนะนำคือ ถ้าเป็นไปได้ เราควรใส่คีย์เวิร์ดในประโยคแรกของบทความ จากนั้นคือให้กระจายหลวมๆ ทั่วทั้งบทความ
ใน WordPress วิธีดู Keyword density ก็สามารถใช้ SEO plugin อย่าง Yoast SEO ตรวจสอบได้เช่นกัน
4. เขียนบทความคุณภาพ คือการทำ SEO ที่ดีที่สุด
Search Engine ระดับโลกย่อมต้องการให้ผลลัพธ์การค้นหาของตนถูกใจผู้ใช้ผู้อ่าน นั่นหมายความว่าระบบจะต้องอยากนำเสนอคอนเทนต์ที่เขาคิดว่ามีคุณภาพ
แล้ว Google รู้ได้ยังไง ว่าบทความไหนมีคุณภาพ? มีปัจจัยที่มองได้หลายปัจจัยมาก แต่ขอยกตัวอย่างมา 3 อย่าง เช่น
- ความยาวของบทความ
บทความที่ยาว มีแนวโน้มจะเป็นบทความที่มีคุณภาพ บ่งบอกว่า “พี่ไม่ได้มาเล่นๆ” คำแนะนำขั้นต่ำคืออย่างน้อย 300 คำ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านบอกว่าถ้าเป็นไปได้ซัก 500 คำเลย กำลังแจ๋ว (บทความนี้จัดไป 505 คำ เหนื่อยเหมือนกัน +_+) - บทความสดใหม่ (Original Content)
คำว่าสดใหม่มีสองนัย คือ เขียนขึ้นเอง ไม่ซ้ำใคร กับอีกนัยนึงคือ เขียนก่อนใคร - ยอด Engagement บน Social Media
โดยเฉพาะถ้าบทความของคุณได้รับการแชร์เยอะๆ ก็จะมีผลต่อ SEO สูงมาก
สรุป
นักเขียนออนไลน์ต้องเขียนให้คนชอบและแชร์เป็นสำคัญ แล้วต้องคำนึงเรื่องเขียนให้ Google ชอบด้วย
เราพบว่า เขียนก่อนใคร คนอ่านแล้วแชร์ เป็นสองปัจจัยที่สำคัญที่สุด! จริงอยู่ว่า มันยากมากที่จะบังเอิญได้เขียนเรื่องอะไรเป็นคนแรก แต่มันเป็นไปได้ ที่จะเขียนเรื่องอะไรเป็นคนแรกๆ และเขียนได้ดีพอที่คนจะยอมกดแชร์ให้เราบ้าง Google จะมองว่า โห นี่เป็นบทความแรกๆ ในหัวข้อนี้เลยนะเนี่ย ที่ได้รับความสนใจ แล้วเขาก็จะจัดอันดับให้เราดี หากผสมผสานกับการเลือกคีย์เวิร์ดให้ดี และการวางดีๆ ด้วย บทความของคุณจะได้รับการจัดอันดับดีกว่าไม่ทำอะไรเลยอย่างแน่นอน
เราพบว่า เขียนก่อนใคร คนอ่านแล้วแชร์ เป็นสองปัจจัยที่สำคัญที่สุด! จริงอยู่ว่า มันยากมากที่จะบังเอิญได้เขียนเรื่องอะไรเป็นคนแรก แต่มันเป็นไปได้ ที่จะเขียนเรื่องอะไรเป็นคนแรกๆ และเขียนได้ดีพอที่คนจะยอมกดแชร์ให้เราบ้าง Google จะมองว่า โห นี่เป็นบทความแรกๆ ในหัวข้อนี้เลยนะเนี่ย ที่ได้รับความสนใจ แล้วเขาก็จะจัดอันดับให้เราดี หากผสมผสานกับการเลือกคีย์เวิร์ดให้ดี และการวางดีๆ ด้วย บทความของคุณจะได้รับการจัดอันดับดีกว่าไม่ทำอะไรเลยอย่างแน่นอน
ตาคุณแล้ว
คุณแก้ชื่อรูปภาพ แก้ Alt text หรือยัง? คุณเคยเขียนบทความยาวบ้างแล้วหรือยัง? อ่านบทความนี้จบแล้ว อยากให้ลองเขียนบทความซักชิ้นของตัวเอง แล้วนำ 4 ข้อที่เล่ามา ไปปรับใช้ดูนะครับ
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้
This is very appealing, however , it is very important that will mouse click on the connection: กลยุทธ์ SEO คือ
ReplyDelete