Online Video มี 2 รูปแบบคือ
1. Branded Content เป็นวิดีโอที่แบรนด์หรือเจ้าของสินค้าเป็นผู้ผลิตเอง และโพสบนช่องทางของตัวเอง (YouTube, Facebook, Instagram) โดยจะผลิตเป็น TVC, Product Demon, Event coverage และ Viral Video
2. Earned Content เป็นวิดีโอที่ User หรือผู้บริโภคเป็นคนทำ และโพสลงในบล็อกของตัวเอง ซึ่งส่วนมากจะเป็นการรีวิว รายการออนไลน์ และ Social Video
สถิติที่น่าสนใจของผู้บริโภคต่อ Online Video
• 52% ของผู้บริโภคที่ได้ดูการรีวิวสินค้าด้วยวิดีโอก่อน จะมีแนวโน้มการซื้อสินค้ามากขั้น
• 3 ใน 5 ของผู้บริโภคจะใช้เวลา 2 นาที เพื่อดูวิดีโอโปรโมทสินค้า
• 1 ใน 2 ของผู้บริโภค ที่ได้ดูวิดีโอของสินค้าก่อนการซื้อ จะมีโอกาสคืนสินค้าน้อยกว่าคนที่ยังไม่ได้ดู
• 3 ใน 5 ของผู้บริโภคจะใช้เวลา 2 นาที เพื่อดูวิดีโอโปรโมทสินค้า
• 1 ใน 2 ของผู้บริโภค ที่ได้ดูวิดีโอของสินค้าก่อนการซื้อ จะมีโอกาสคืนสินค้าน้อยกว่าคนที่ยังไม่ได้ดู
สำหรับแบรนด์ที่ยังไม่รู้ว่าต้องผลิต Video Content ประเภทไหนให้ตรงวัตถุประสงค์ที่สุด
• ถ้าต้องการสร้างการรับรู้ (Awareness) ให้ใช้ Video Content ประเภท TVC หรือ Viral Video
• ถ้าต้องการสร้างสื่อสาร ให้ใช้ Video Content ประเภท Product Video หรือ Influencer Review
• ถ้าต้องการสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์ ให้ใช้ Video Content ประเภทสอนการใช้สินค้า How to video
• ถ้าต้องการให้เกิดการกระจายต่อ ให้ใช้ Video Content ประเภท Consumer Video
• ถ้าต้องการสร้างสื่อสาร ให้ใช้ Video Content ประเภท Product Video หรือ Influencer Review
• ถ้าต้องการสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์ ให้ใช้ Video Content ประเภทสอนการใช้สินค้า How to video
• ถ้าต้องการให้เกิดการกระจายต่อ ให้ใช้ Video Content ประเภท Consumer Video
Hero Content คือ คอนเท้นต์ที่ต้องการให้คนอยากรู้ อยากถามต่อ และพูดในโลกโซเชียลมีเดีย แต่ก็ยังมีข้อเสียคือ วิดีโอประเภทนี้จะมีอายุสั้นมากๆ หรือจะใช้แค่โปรโมทแคมเปญสั้นๆ เท่านั้น
Hygiene Content คือ สิ่งที่ผู้บริโภคกำลังตามหา และสิ่งที่แบรนด์ต้องการนำเสนอ เช่น คุณต้องการทำข้าวผัด จึงค้นหาผ่าน YouTube และเจอคลิปสอนทำอาหาร ที่มีแบรนด์สินค้าเป็นผู้ให้การสนับสนุนอยู่
Earned Content คือ คอนเท้นต์ที่ผู้บริโภคทำขึ้นเอง อาจเป็นการรีวิวสินค้า รายการออนไลน์ เป็นต้น
หากถามว่าต้องทำอย่างไรให้ Video Content ที่คุณทำกลายเป็น Viral Video นักการตลาดหลายๆ คนก็จะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่มี”เพราะในความเป็นจริงแล้ว เราไม่สามารถบังคับให้ผู้บริโภคคลิกไลก์ หรือแชร์ได้
ทฤษฏีการทำ Viral Video
1. วิดีโอต้องตรงกลุ่มเป้าหมาย
ยกตัวอย่างเช่น โฆษณา วอลโว่ทรัคส์ ชุด Live Test ที่นำแนวคิดที่แปลกใหม่โยงเทคโนโลยี Volvo Dynamic Steering กับการแสดงผาดโผนที่นำนักแสดงโดยดาราคิวบู๊ ฌอง-คล็อด แวน แดมม์ เข้ามาสื่อสารเรื่องได้อย่างชัดเจนจนเป็นที่เข้าใจถึงสมรรถนะของแก่นแท้ในประสิทธิภาพของเทคโนโลยี ซึ่งหลังเจาะกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี และสร้างความตกตะลึงให้ผู้ที่ได้ชมคนอื่นๆ อีกด้วย นอกจากนี้ โฆษณาชิ้นนี้ยังกวาดรางวัลจากงานประกวดคานส์ ไลออนส์ ซึ่งเป็นงานประกวดภาพยนตร์โฆษณาสำคัญสุดยอดระดับโลก ได้มากถึง 20 รางวัล
2. จุดพีคของวิดีโอควรต้องอยู่ในช่วง 5-20 วินาทีแรก
เหมือนกับโฆษณาของ Mercedes-Benz ตัวนี้ ที่ไม่ว่าใครเห็นก็ไม่อยากกด Skip แน่นอน
3. ใช้เรื่องราวที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในปัจจุบันมาเป็นแกนเรื่องในการผลิต
โฆษณาดี ๆ ที่ถูก Band อีกแล้ว
4. ต้องมั่นใจว่าผู้บริโภคจะไลก์-แชร์
ยกตัวอย่างเช่น โฆษณาของไทยประกันชีวิต ที่เน้นการกระตุ้นอารมณ์ของผู้บริโภค โดยเฉพาะคนไทย ที่ค่อนข้างเข้าถึงอารมณ์ซึ้ง ดราม่า และตลกได้ง่าย
5. ต้องสื่อสารได้ในวงกว้าง ถ้าถึงคนหมู่มากได้ดี
เหมือนกันวิดีโอชิ้นนี้ ที่เจาะกลุ่มผู้หญิงได้ดี แม้จะไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน แต่เชื่อว่าผู้หญิงทั่วโลกที่ได้ดู จะต้องตระหนักถึงอะไรบางอย่างแน่นอน (ควรดูให้จบ!)
6. ต้องมีคีย์เวิร์ดให้จำง่าย หรือคำพูดติดปาก
7. ตั้งชื่อคลิปให้ค้นหาง่าย
8. ทำให้ผู้บริโภคเลียนแบบได้ง่าย
เหมือนกับคลิปนี้ที่เลียนแบบโฆษณาของวอลโว่ทรัคส์ โดยมีนักแสดงชื่อดังอย่าง Channing Tatum มาสร้างเสียงฮาให้กับผู้ที่ได้ดู
9. วิดีโอต้องสร้างอารมณ์ร่วมได้ (สนุกสนาน, ตื่นเต้น, เหลือเชื่อ, น่ารัก, อมยิ้ม, เซ็กซี่ ฯลฯ)
10. ถ้าทำทุกวิถีทางแล้ว ยังมีคนดูน้อย ก็คงถึงเวลาที่ต้องซื้อโฆษณาเพิ่มเติม (Facebook, YouTube และ Google)
วิธีการนำเสนอ 3 ช่องทางหลัก
1. Instagram เป็นคลิปสั้นๆ ประมาณ 15 วินาที คุณสามารถใช้รายงานสดการเปิดตัวสินค้า หรือการใช้พรีเซ็นเตอร์โพสคลิปวิดีโอเพื่อโปรโมทสินค้าใน IG ของพวกเขา
2. Facebook การโพสวิดีโอลงใน Facebook นั้นจะค่อนข้างได้ผลดีเมื่อคุณต้องการให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ หรือไลก์
3. YouTube (แบ่งได้ 2 ประเภท คือ แบบกดข้ามโฆษณาได้ และแบบกดข้ามโฆษณาไม่ได้)
ทั้งนี้ การใช้ทั้ง Facebook และ YouTube ควบคู่กันจะทำให้แคมเปญประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น และที่สำคัญการโพสวีโอในยูทูปในช่วงท้ายๆ คลิป ควรใส่ลิ้งค์เพื่อให้ผู้บริโภคคลิกไปหน้าเว็บไซต์คุณด้วย
ทั้งนี้ การใช้ทั้ง Facebook และ YouTube ควบคู่กันจะทำให้แคมเปญประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น และที่สำคัญการโพสวีโอในยูทูปในช่วงท้ายๆ คลิป ควรใส่ลิ้งค์เพื่อให้ผู้บริโภคคลิกไปหน้าเว็บไซต์คุณด้วย
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้
No comments:
Post a Comment