การโฆษณาออนไลน์สามารถช่วยเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ ทำให้ลูกค้ารู้จักธุรกิจของคุณ และช่วยเพิ่มยอดขายในที่สุด อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการโฆษณารายใหญ่อย่าง Google AdWords มักปรับอัลกอริทึมอยู่เสมอ ผู้ลงโฆษณาจึงต้องคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
แม้การลงโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์จะมีความท้าทายและมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่มันก็เป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพและควรเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดของคุณ ข้อดีของการลงโฆษณาออนไลน์คือ:
- ช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว
- โฆษณาสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก แม้ว่าคุณจะมีงบประมาณจำกัด
- คุณสามารถนำ Keyword ชุดหนึ่งไปใช้กับการลงโฆษณาออนไลน์ได้หลายช่องทาง
- มีรายงานสถิติผลลัพธ์การลงโฆษณาเพื่อนำไปปรับปรุงแคมเปญต่อไปได้
- คุณสามารถกำหนดกลุ่มลูกค้าได้อย่างละเอียด
Google Adwords เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักการตลาดออนไลน์ แต่ยังมีการโฆษณารูปแบบอื่นอีกมากมายให้คุณเลือกใช้สำหรับธุรกิจของคุณ
1. Bing Ads
Bing Ads คือโฆษณาที่แสดงผลบน Bing และ Yahoo ซึ่งเป็น search engine อันดับต้นๆ รองจาก Google ผู้ลงโฆษณาสามารถเข้าถึงผู้ชมได้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งค่าใช้จ่ายยังถูกมากเมื่อเทียบกับ Google AdWords และ Facebook Ads
เทคนิคการลงโฆษณากับ Bing Ads ให้ได้ประโยชน์สูงสุดคือการระบุ keyword ที่คุณไม่ต้องการ เพื่อป้องกันไม่ให้โฆษณาไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่คุณไม่ต้องการ และลดค่าใช้จ่ายของการซื้อ keyword อื่นๆ ลง ที่สำคัญคือ คุณควรใช้คำโฆษณาหลายชุด และพยายามปรับปรุง keyword ให้ดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ยอดคลิ๊กที่มากขึ้น อีกทั้งยังควรแยกเคมเปญโฆษณาสำหรับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถืออย่างชัดเจน เพื่อการบันทึกข้อมูลที่ถูกต้อง
2. Facebook Ads
ปัจจุบันมีคนไทยใช้งาน Facebook มากกว่า 40 ล้านคน ทำให้โฆษณาของคุณมีโอกาสเข้าถึงคนจำนวนมาก คุณสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายอย่างเฉพาะเจาะจงได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ ที่อยู่ อาชีพ งานอดิเรก หรือความสนใจอื่นๆ อีกทั้งยังสามารถเลือกวัตถุประสงค์ของการลงโฆษณาได้หลากหลายตามความเหมาะสม
การลงโฆษณากับ Facebook ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ตรงจุด และเริ่มลงโฆษณาด้วย content ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์กับลูกค้า ไม่เน้นการขายแบบ hard sale มากเกินไป นอกจากนี้คุณควรเริ่มต้นด้วยงบโฆษณาเพียงหลักร้อยต่อวันก่อนเพื่อทดลองกลุ่มเป้าหมาย จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มงบประมาณกับแคมเปญที่มีคนสนใจเป็นจำนวนมาก เพื่อช่วยให้คุณประหยัดเงินและเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุด
3. Twitter Ads
Twitter เป็น social media ยอดนิยมรูปแบบหนึ่งที่มีผู้คนเข้ามารับข้อมูลอัพเดทล่าสุดเกี่ยวกับแบรนด์ กลุ่มสินค้า ดารา และกิจกรรมต่างๆ ที่พวกเขาสนใจ การลงโฆษณาบน Twitter จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจหากคุณต้องการสร้างกลุ่มผู้ติดตามด้วยต้นทุนที่ไม่สูงนัก
เคล็ดลับการลงโฆษณากับ Twitter คือ ให้เลือกโปรโมทโพสต์ที่มีเนื้อหาน่าสนใจ สามารถแชร์ต่อได้ง่าย และใส่ลิงก์เว็บไซต์ของคุณเข้าไปด้วย คุณสามารถเลือกใช้ Promoted Account เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ติดตาม และใช้ Promoted Trend เพื่อให้ผู้คนแชร์โพสต์ของคุณโดยใช้แฮชแทกที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
4. LinkedIn Ads
โฆษณาบน LinkedIn จะมีรูปแบบการทำงานคล้ายกับโฆษณาบน Facebook คือโฆษณาของคุณจะแสดงผลต่อกลุ่มเป้าหมายที่คุณกำหนดไว้เท่านั้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นผู้คนในวัยทำงานหลากหลายอาชีพที่มีความสนใจคล้ายกัน
คุณสามารถทำให้โฆษณาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากได้ เช่น ลงประกาศรับสมัครงานในตำแหน่งพิเศษที่ไม่ได้มีประกาศในเว็บอื่นๆ ทั่วไป โฆษณาจะมีประสิทธิภาพสูงสุดก็ต่อเมื่อคุณเลือกใช้รูปภาพประกอบที่น่าสนใจ และกำหนดงบประมาณมากพอที่จะให้โฆษณาของคุณไปอยู่ในตำแหน่งที่มีผู้คนเห็นเป็นจำนวนมาก
5. Instagram Ads
Instagram เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ให้ลูกค้าได้รับรู้ผ่านทางรูปภาพได้ โฆษณาบน Instagram มีรูปแบบที่เรียบง่าย แต่โดดเด่นและสะดุดตา เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักโดยเน้นภาพถ่ายของสินค้าเป็นหลัก เช่น ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น หรือเครื่องสำอาง
คุณสามารถเลือกลงโฆษณาได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพแบบสี่เหลี่ยมจตุรัสหรือแนวนอน วิดีโอที่มีความยาวสูงสุด 60 วินาที และโฆษณาแบบภาพสไลด์ที่ให้ผู้รับชมสามารถเลื่อนดูรูปภาพและวิดีโอเพิ่มเติมได้ในโฆษณาเดียว
โฆษณาแต่ละช่องทางมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป สิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงโฆษณาออนไลน์คือการเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุด
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้
No comments:
Post a Comment