Wednesday, January 9, 2019

7 เทรนด์เทคโนโลยีน่าจับตามองในปี 2019 พลิกธุรกิจ SME เป็นผู้นำ



7 เทรนด์เทคโนโลยีน่าจับตามองในปี 2019 พลิกธุรกิจ SME เป็นผู้นำ


หลายคนอาจรู้สึกว่าเพิ่งผ่านปี 2018 ไปไม่นาน รู้ตัวอีกทีก็จะพ้นไตรมาสที่ 3 ของปีกันแล้ว การที่ธุรกิจจะคงความเป็นผู้นำได้ คงไม่พ้นการติดตามข่าวสารและเทรนด์ใหม่ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณ PeerPower จึงได้รวบรวม 7 เทรนด์เทคโนโลยีน่าจับตามองในปี 2019 จะมีเทรนด์อะไรที่ผู้ประกอบการควรรู้และติดตามอย่างใกล้ชิดบ้างไปติดตามกันได้เลยค่ะ

1. ยุคแห่งคอนเท้นต์วิดีโอ

ต้องยอมรับว่าในปี 2018 ที่ผ่านมา คอนเท้นต์วิดีโอนั้นได้รับความนิยมอย่างมาก สาเหตุอาจเป็นเพราะแอปพลิเคชั่นบนโลกซีเชียลมีเดียหลายเจ้าได้พัฒนาเพื่อให้สามารถรองรับการถ่ายและอัพโหลดวิดีโอมากขึ้น และคาดว่าในปี 2019 จะมีปริมาณการแชร์คอนเท้นต์วิดีโอที่มากขึ้นถึง 80%
ด้วยปริมาณวิดีโอที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็วทำให้หลายแอปพลิเคชั่นต้องออกนโยบายจำกัดปริมาณตัวอักษรที่แสดงในวิดีโอ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับวิดีโอคอนเท้นต์ที่มีคุณภาพมากขึ้น หากว่าคุณเป็นเจ้าของกิจการและต้องการจะเข้าถึงผู้บริโภคให้มากขึ้นแล้ว ควรจะต้องทำวิดีโอคอนเท้นต์ที่สร้างสรรค์มากขึ้น การจ้างทีมงานโปรดักชั่นเพื่อผลิตวิดีโอโดยเฉพาะ หรือ outsource ทีมงานข้างนอก อาจเป็นสิ่งที่เจ้าของกิจการควรคำนึงถึงค่ะ

2. LIVE วิดีโอคือสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ

video content
ในขณะที่หลายคนเลือกที่จะดูวิดีโอคอนเท้นต์ แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มองหา LIVE วิดีโอ ซึ่งข้อดีของการ LIVE สด นั่นคือทำให้คุณสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคได้อย่างทันที ซึ่งผลการสำรวจพบว่า 82% ของผู้บริโภคชอบที่จะดูวิดิโอไลฟ์มากกว่าการนั่งอ่านโพสต์บนโซเชียลมีเดีย
ซึ่งการที่ผู้บริโภคได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นและได้รับการตอบรับอย่างทันทีนั้นจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของธุรกิจกับลูกค้านั้นเหนียวแน่นยิ่งขึ้น และมีโอกาสที่จะกลายเป็นลูกค้าที่ชั้นดีให้กับธุรกิจของคุณมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าในปี 2019 นั้น LIVE วิดีโอน่าจะมีปริมาณที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นแล้วเจ้าของกิจการทั้งหลายอย่าปล่อยให้โอกาสดีๆ หลุดมือคุณไปได้

3. การลงโฆษณาในโลกออนไลน์ไม่ได้ผลอีกต่อไป

กว่า 30% ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นเพื่อจำกัดการแสดงโฆษณา ทำให้โฆษณาที่ปล่อยออกไปนั้นไปไม่ถึงกลุ่มลูกค้าเท่าที่ควร ทำให้หลายธุรกิจเลือกที่จะใช้บริการของ influencer มากขึ้น แต่นั่นอาจจะไม่ใช่ทางที่ดีที่สุด คุณควรจะสร้างคอนเท้นต์ที่มีคุณภาพ หรือคอนเท้นต์ที่มีหัวข้อเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น เพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้ามายังช่องทางต่างๆ ของแบรนด์คุณ
อีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้โฆษณาของคุณได้ผลมากขึ้นก็คือ การกลับมาพัฒนาเนื้อหาในโฆษณาให้โดดเด่นและแสดงถึงจุดยืนของสินค้าคุณ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ชอบที่จะอ่านคอนเท้นต์ที่เป็นการโฆษณา คุณจึงควรสร้างคอนเท้นต์ที่มีความกลมกลืนและเป็นธรรมชาติจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีกว่าการโฆษณาแบบทั่วๆ ไป

4. เลือกใช้ช่องทางการสื่อสารให้ถูก

marketing channel
เพราะว่าในปัจจุบันมีช่องทางการติดต่อสื่อสารในหลายรูปแบบ ดังนั้นแล้วคุณควรรู้จักถึงความแตกต่าง ข้อดี ข้อเสีย ของแต่ละช่องทาง และเลือกช่องทางที่ลูกค้าสะดวกที่จะคุยกับคุณมากที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น Instragram เป็นช่องทางที่เหมาะสำหรับการทำการตลาดแบบเฉพาะกลุ่ม ดังนั้นแล้วการสื่อสารหรือโฆษณาในกลุ่มสินค้าแฟชั่นมักจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า หรือ หากลูกค้าสะดวกที่จะติดต่อสื่อสารกับคุณผ่านช่องทาง twitter หรือ Facebook มากกว่าการพูดคุยทางโทรศัพท์หรือการเดินเข้าร้านค้าหรือศูนย์บริการ คุณก็ควรที่จะปรับรูปแบบของการบริการตอบคำถามให้มาอยู่ในช่องทางออนไลน์มากขึ้น อาจจะเพิ่มการตอบแบบ 24 ชม. เพื่อป้องกันการสูญเสียฐานลูกค้าเดิมที่เผลอๆอาจจะมากกว่าฐานลูกค้าใหม่ที่คุณกำลังมองหาก็เป็นได้

5. “คอมมิวนิตี้” เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

โอกาสในการเพิ่มลูกค้ามีอยู่ทุกที่ กลุ่มลูกค้าของคุณอาจจะแฝงอยู่อยู่ในทุกที่และแอบมองสินค้าของคุณอยู่ห่างๆ เพราะสมัยนี้การเข้าถึงข้อมูลมีมากขึ้นทำให้ลูกค้าของคุณสามารถศึกษาข้อมูลให้ได้มากที่สุด ก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจซื้อ
และถ้าหากว่าข้อมูลที่พวกเขาได้รับนั้นมาจากคนใกล้ตัวหรือคนที่เขาไว้ใจ ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อนหรือคนรูจัก ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการซื้อได้มากขึ้น แต่คุณเองก็คงไม่สามารถเข้าถึงคนทุกคนได้อยู่แล้ว influencer ที่เป็นทั้งผู้ใช้สินค้าจริงๆ และพร้อมที่จะโปรโมตให้กับสินค้าคุณจึงกลายเป็นอีกหนึ่งคำตอบในการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้มากขึ้น เพราะความไว้ใจที่กลุ่มลูกค้าของคุณมีต่อ influencer ทำให้สินค้าของคุณน่าเชื่อถือและเกิดการซื้อมากกว่าการทำแคมเปญโฆษณาที่คุณจ่ายเงินไปเสียอีก

6. ให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูลของลูกค้าให้มากขึ้น

ข้อมูลทุกอย่างอยู่บนโลกออนไลน์ทำให้ผู้ใช้หลายคนรู้สึกว่าถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทำให้ GDPR (General Data Protection Regulation) ออกนโยบายปกป้องความเป็นส่วนตัวเพื่อป้องกันการขายข้อมูลของผู้บริโภค
เรียกได้ว่าเป็นนโยบายที่ท้าทายบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Google และ Facebook เพราะถ้าหากว่ามีค้าขายข้อมูลเกิดขึ้นนั่นไม่ใช่เพียงแค่การผิดจริยธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายอีกด้วย ซึ่งสำหรับผู้ประกอบการที่ทำเว็บไซต์หรือมีส่วนเกี่ยวข้องด้านเทคโนโลยีก็คงจะต้องคิดกลยุทธ์ในการตั้งนโยบายความเป็นส่วนตัวใหม่อย่างรอบคอบ รับรองว่าบริษัทของคุณจะได้รับการยกย่องจากลูกค้าในปี 2019 นี้อย่างแน่นอนค่ะ

7. AI จะถูกนำมาใช้อย่างจริงจังในปี 2019 นี้

แน่นอนว่าในปี 2018 ที่ผ่านมาใครๆ ก็ต้องพูดถึง AI (หรือ Artificial Intelligence) ซึ่งเป็นที่จับตามองอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา แต่เราอาจจะยังไม่ได้เห็นการพัฒนาของ AI ออกมาเป็นรูปเป็นร่างสักเท่าไหร่ ซึ่งในปี 2019 นี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่เราจะได้เห็น AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในทุกๆ องค์กร
รูปแบบของ AI ที่เราจะได้เห็นในปีหน้า จะเป็นกาวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเข้าถึงลูกค้าที่มากขึ้น หรือ การนำข้อมูลต่างๆมาทำคอนเท้นต์ที่มีความเฉพาะบุคคลเพื่อเพิ่มยอดขาย ซึ่งถ้าหากว่าคุณไม่รีบนำ AI มาใช้ในธุรกิจของคุณก็อาจจะทำให้การก้าวมาเป็นผู้นำในตลาดของคุณต้องตกไปอยู่ในมือของคู่แข่งได้
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้


No comments:

Post a Comment