Wednesday, February 27, 2019

Marketing 4.0 การตลาดยุคใหม่



คนไทยใช้ Facebook ถึง 47 ล้านคน Instagram 11 ล้านคน และ LINE 41 ล้านคน และจากสถิติยังพบว่า คนไทยมีการใช้งาน Internet ผ่านสมาร์ทโฟน เฉลี่ย 4.14 ชม./วัน ทำให้ยุคนี้กลายเป็นยุคของ Marketing 4.0 ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการเชื่อมโยงกับผู้บริโภคให้ถึงกันได้ง่ายขึ้น เราแทบจะไม่ต้องออกจากบ้าน ก็สามารถทำทุกอย่างที่ต้องการได้ เช่น ดูหนังที่ชอบผ่าน Netflix, สั่งอาหารจากเยาวราชด้วย Line Man มาส่งตรงถึงหน้าบ้าน, ซื้อของออนไลน์ได้เกือบทุกอย่าง ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องสำอาง เฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงของที่ในอดีตต้องไปที่หน้าร้านเท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ก็ซื้อผ่านออนไลน์ได้ เช่น ทองคำ เพชรแท้ เราสามารถทำทุกอย่างได้ครบพร้อมกันคนที่ทำธุรกิจควรปรับตัวให้เข้ากับยุค Marketing 4.0 อย่างไรบ้าง? 1. เข้าใจพฤติกรรมของคนซื้อของออนไลน์หากเราอยากสร้างยอดขายออนไลน์ เราต้องเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าในโลกออนไลน์ก่อน เพื่อที่จะได้ตอบสนองความต้องการให้ตรงจุดคนบนโลกออนไลน์ไม่ชอบอะไรที่ใช้เวลานาน ทุกอย่างต้องรวดเร็ว ดึงดูดสายตาทำเว็บไซต์อย่าให้โหลดนาน ทำคอนเทนท์ต้องสื่อสารให้เคลียร์ และนำเสนอด้วยภาพที่ดึงดูด หรือ  VDO Content ที่ตรงกับปัญหาของกลุ่มเป้าหมาย2. ทำการตลาดแบบเชื่อมโยงออนไลน์กับออฟไลน์เข้าด้วยกันเมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคนี้ ไม่ตัดสินใจซื้อของทันทีเหมือนในอดีต แต่จะเข้าไปดูข้อมูลสินค้าในโลกออนไลน์ หลังจากนั้นก็ตามมาอ่านรีวิว หรือบางทีไปดูสินค้าจริงที่หน้าร้าน แต่สุดท้ายก็กลับมาซื้อบนโลกออนไลน์ เพราะราคาถูกกว่า ดังนั้นเราต้องทำการตลาดแบบเชื่อมโยงโลกออนไลน์กับโลกออฟไลน์เข้าด้วยกัน เพิ่มช่องทางออนไลน์ด้วย Facebook Fanpage และมี Website ที่วาง Layout สวยงามน่าดึงดูด มีระบบการชำระเงินที่สะดวก รวดเร็ว หากคุณมีหน้าร้านก็ควรสร้างประสบการณ์ที่ออนไลน์ให้ไม่ได้ เช่น การสร้างแคมเปญดึงดูดให้ลูกค้ามาที่หน้าร้านให้ลูกค้า “รู้สึกดี” กับแบรนด์ของคุณให้ได้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ด้วยรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นคุณค่าที่การซื้อของออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนให้ไม่ได้ และนี่แหละครับ คือ จุดแตกต่างจากคู่แข่ง3. หากลุ่มลูกค้าให้เจอยุคนี้การทำโฆษณาทางออนไลน์ใน Facebook อย่างเดียวไม่พอนะครับ  คุณต้องทำโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ และพัฒนากลุ่มเป้าหมายที่ใช่ให้กลายเป็นลูกค้าให้ได้ โจทย์สำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ เราจะไม่ขายทุกคนที่อยู่บนโลกออนไลน์ครับ แต่เราจะกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัด เราต้องรู้กลุ่มเป้าหมายที่เราเลือก เพศ อายุ วัย รูปแบบการใช้ชีวิต เราจะเจอเขาได้ที่ไหน เมื่อไหร่จะตัดสินใจซื้อ วางกรอบตรงนี้ให้ชัด ยิ่งเราชัด การทำการโฆษณาจะง่าย ใช้ต้นทุนค่าโฆษณาน้อย ตรงกลุ่มเป้าหมาย สร้างยอดขายได้นั่นเองครับMarketing 4.0 เป็นยุคแห่งเทคโนโลยี ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตผู้บริโภคอย่างสิ้นเชิง ในอนาคตอันใกล้ สิ่งของ เครื่องใช้ทุกอย่างจะถูกเทคโนโลยี และนวัตกรรมเข้ามามีบทบาทมากขึ้น การปรับตัวให้ได้จึงเป็นเพียง “ทางรอด” เดียวที่จะทำให้ธุรกิจของคุณอยู่ได้ไม่สูญหายไป ไฟ้โตะเอาใจช่วยผู้ประกอบการทุกคนนะครับ
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Tuesday, February 26, 2019

นักการตลาดสายพันธ์ใหม่ ในยุค 2019


การตลาด 2019 จาก 4 P ถึง 5 C เรื่องที่นักการตลาดสายพันธุ์ใหม่ต้องรู้
ทั้งๆ ที่เด็กรุ่นใหม่กำลังจะเป็นลูกค้าในอนาคต
แต่วันนี้นักการตลาดรู้หรือยังว่า เด็กยุคใหม่เล่นเฟซบุ๊กน้อยลง หันไปใช้ทวิตเตอร์มากขึ้น
และแฮชแท็กที่ติดเทรนด์ที่น่าสนใจใน Twitter วันนี้คือ #ทฤษฎีจีบเธอ #เนียลอง #บาสเด็กอ้วนที่แท้จริง
ถ้านักการตลาดยังไม่รู้
คำถามคือ เรื่องเหล่านี้ ‘ไม่ดัง’ หรือ นักการตลาด ‘ตามไม่ทัน’
ดร.เอกก์ ภทรธนกุล ได้กล่าวบนเวทีในงาน “Marketing Day 2018”
ที่ผ่านมา นักการตลาดอาจจะเก่งเรื่อง ลูกค้า แต่ในวันที่เทคโนโลยีเปลี่ยน นักการตลาดจะหา Right People ได้อย่างไร เพราะการตลาดยุคปัจจุบันเป็นยุคของ “Digital Plus” ซึ่งเป็นมากกว่า Digital  ที่ไม่สามารถหาขอบเขตที่น่าชัดได้
เมื่อ Digital มา Disrupt การตลาดจึงต้องเปลี่ยนไป สู่นักการตลาดสายพันธ์ใหม่ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
และอะไรคือนักการตลาดสายพันธ์ใหม่ที่จะกลายเป็นเทรนด์ Marketer 2019
Chief Marketing Technology
ในปี 2011 มีเทคโนโลยีที่นักการตลาดสามารถนำมาใช้ได้เพียง 150 เทคโนโลยี ปี 2016 มี 5,000 เทคโนโลยี ส่วนปีนี้มีมากถึง 7,000 เทคโนโลยี นักการตลาดจะตามเทคโนโลยีอย่างเท่าทันอย่างไรในวันที่เทคโนโลยีเปลี่ยน
Marketer ในวันนี้จึงเป็นเรื่องของการควบรวมระหว่างการตลาดกับเทคโนโลยี 
คุณสมบัติเด่นของ CMT ต้องมีความสามารถ 4 ประการมารวมกันคือ การตลาด ที่ผสมผสานกับความรู้ด้าน เทคโนโลยี บนความคิดนักครีเอททีพ และพรีเซ็นต์สิ่งต่างๆ ได้อย่าง ครู 
การที่ Marketer ยุคใหม่ที่จะมาสาย CMT จะต้องมีความรู้ในการเลือกใช้เทคโนโลยีในการสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายได้ถูกที่ถูกเวลา และต้องนำเสนอสิ่งเหล่านั้นให้คนอื่นๆ เข้าใจอย่างง่ายๆ และน่าสนใจ
Chief Customer Experimenter 
Marketer ในกลุ่ม CCE เป็นกลุ่มที่ต้องตื่นรู้ในเรื่องการวิจัย ที่ในอดีตการวิจัยคือการ research ทำแบบสอบถาม โฟกัสกรุ๊ป ได้เปลี่ยนไปสู่การวิจัยในรูปแบบทดลองการตลาด
ยกตัวอย่าง เช่น แบรนด์ปูอัด Kani ที่ขายผ่าน 7-11 ทาง 7-11 เลือกจะวางขายในเชลฟ์ตรงโซนไหน ได้แก่ ตรงตู้อาหารญี่ปุ่น ตรงติดกับไข่ต้ม และติดกับไส้กรอก ซึ่งนักการตลาดหลายคนอาจจะมองว่าถ้าวางตรงอาหารญี่ปุ่นอาจจะสร้างโอกาสในการขายมากกว่า 
แต่ความจริงแล้วการวางขายตรงเชลฟ์อาหารญี่ปุ่นเป็นพื้นที่ที่สร้างยอดขายได้น้อยที่สุด และข้างไส้กรอกสร้างยอดขายได้มากที่สุด
สิ่งที่ทำให้ Kani เรียนรู้ในเรื่องนี้มาจากการวิจัยแบบจำลองสถานการณ์การซื้อ ด้วยการทำ 7-11 จำลองขึ้นมา และให้เงินกลุ่มตัวอย่างเข้าไปซื้อสินค้าใน 7-11 ในวงเงินเฉลี่ยเท่ากับการซื้อสินค้าใน 7-11 ต่อครั้ง ซึ่งทำให้ได้ผลพฤติกรรมผู้บริโภคจริงๆ 
เหตุผลที่ผู้บริโภคไม่ซื้อปูอัดเมื่อวางข้างอาหารญี่ปุ่นอย่างข้าวปั้นและอื่นๆ เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ซื้ออาหารญี่ปุ่นรับประทานเพราะหิว และมองว่าเพียงอาหารญี่ปุ่นก็อิ่มเพียงพอแล้ว
วางข้างไข่ ขายดีอันดับที่สอง จากผู้บริโภคที่ซื้อไข่เพราะต้องการอาหารเพื่อสุขภาพ และมองว่าปูอัดทำมาจากปลาก็เพื่อสุขภาพเช่นกัน แต่ไข่จะบำรุงสุขภาพมากกว่า
วางขายไส้กรอกขายดีอันดับหนึ่งเพราะ
คนที่ซื้อไส้กรอกส่วนใหญ่จะซื้อให้ลูกรับประทาน และมองว่าไส้กรอกมีปริมาณต่อแพ็กที่มากไป ส่วนปูอัดเป็นปริมาณกำลังพอดี
ซึ่งการเป็น CCE ได้ต้องประกอบด้วยองค์ความรู้ทั้ง 4 คือ การตลาด, วิจัยตลาด, วิทยาศาสตร์ และ ความรู้ด้านเศรษศาสตร์
Chief Customer Data Artist
ยุคของ big data ที่เข้ามาช่วยในเรื่อง analytic ซึ่งการนำ big data มาใช้จะเป็นการทำให้รู้จักผู้บริโภคมากกว่าตัวผู้บริโภคเสียอีก ถ้ารู้จักใช้ให้เป็นและสื่อสารได้อย่างมีศิลปะ
เพราะ big data ได้กลายเป็นตัวที่จะทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมได้โดยไม่รู้ตัว
ยกตัวอย่างเช่น การเก็บข้อมูลผู้บริโภคท่านหนึ่งที่ชอบดื่ม Starbucks ทุกวัน ถ้าการประมวลผลทั่วไปอาจจะพบว่าผู้บริโภคท่านนี้มี brand loyalty กับกาแฟแบรนด์นี้ 
แต่ถ้ารู้จักนำข้อมูลมาใช้อย่างสร้างสรรค์จะพบว่า ผู้บริโภคท่านนี้ดื่ม Starbucks ทุกวันเพราะติดกาแฟ ซึ่งถ้า marketer แบรนด์กาแฟ A จะอาศัย big data นี้มาสื่อสารเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคได้ ด้วยการให้ส่วนลดเมื่อซื้อกาแฟแบรนด์ A ไปยังมือถือผ่านโซเชียลมีเดียและอื่นๆ ทุกๆ วัน เป็นไปได้ว่าสักวันหนึ่งผู้บริโภคท่านนี้จะมาเป็นลูกค้าประจำกาแฟแบรนด์ A เพราะส่วนลดที่ได้รับ เป็นต้น
นักการตลาดที่จะมาในเส้นทางนี้ต้องมีองค์ความรู้เรื่อง การตลาด สถิติ ครีเอทีฟ และวิศวะกร รวมกับทั้ง 4 องค์ความรู้

Chief Responsible Marketer 
มีคนบอกว่าการทำ CSR ใช้งบประมาณสูง แต่จะไม่ทำก็ไม่ได้ 
CSR ยุคใหม่ จึงต้องเป็น CSR ที่สามารถขายตัวเองได้ และอาจทำให้องค์กรสามารถทำ CSR ได้โดยไม่ต้องใช้เงิน
การเป็นนักการตลาดคนดีทำ CSR ยุคใหม่ จำเป็นต้องมีทักษะของนักการตลาด ผสมกับ นักพัฒนา CSR Manager และ HR Manager เข้าด้วยกัน
ยกตัวอย่างเช่นโครงการ Journey D ของแอร์เอเชีย ที่เข้าไปสนับสนุนแหล่งท่องเที่ยวชุมชน 4 พื้นที่ในประเทศไทย โดยการเข้าไปพัฒนาชุมชนให้เข็มแข็งจนพร้อมรับนักท่องเที่ยว ก่อนที่จะโปรโมตออกไปยังสาธารณชนว่า ถ้านักท่องเที่ยวมาเที่ยวใน 4 ชุมชนนี้ผ่านแอร์เอเชีย และทำตามกฎเกณฑ์ที่วางไว้ได้ 10 กฎเกณฑ์ เช่น ไม่นำพลาสติกเข้ามาในชุมชน กินอาหารพื้นเมือง นอนไม่มีแอร์ และอื่นๆ สามารถนำตั๋วเครื่องบินมาแลกรับตั๋วบินฟรีได้ 1 ใบ 
และโครงการนี้ทำให้ ททท. และองค์กรอื่นๆ ให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์เพิ่มเติมด้วย

การตลาด 2019 ต้อง…

Chief Witch Catcher Manager 

การเปิดเผยความจริงเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ ในสังคมจึงต้องมี Customer Witch Catcher ที่คอยทำหน้าที่ตามข้อมูลและเรื่องราวต่างๆ รวมถึงการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เช่น เพจ Blackhat แหม่มโพธิ์ดำ จ่าพิชิต ฯลฯ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ต้องทักษะหลายด้านประกอบกัน ตั้งแต่ Marketer + Regulator + Teacher + News Reporter  เพื่อแฉ Marketing สีเทา ให้สังคมได้รับรู้
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Sunday, February 24, 2019

Marketing 4.0


Marketing 4.0 เป็นยุคของการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจกับลูกค้าให้ถึงกันได้ง่ายขึ้น มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เรามาดูกันครับว่า วิธีการทำการตลาดแบบ Marketing 4.0 จะเหมาะกับธุรกิจของคุณหรือไม่

1. ยุคแห่งข้อมูล 

ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะซื้อของกิน ของใช้ จะชิ้นเล็ก ชื้นใหญ่ สิ่งแรกที่เราทำ คือ หยิบมือถือมา search หาข้อมูลสินค้า หารีวิว เปรียบเทียบราคา ก่อนตัดสินใจซื้อ

ดังนั้น หากกลุ่มเป้าหมายของคุณ มีพฤติกรรมค้นหาข้อมูลสินค้าบนอินเทอร์เน็ตก่อนตัดสินใจซื้อ การตลาดที่คุณควรทำ คือ
  
 
นำเสนอสินค้าและธุรกิจของคุณบนสื่อออนไลน์ และทำให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย เช่น เมื่อกลุ่มเป้าหมายค้นหาสินค้า ชื่อสินค้าของคุณควรอยู่ในหน้าแรกของผลการค้นหา การโฆษณาบน social network หรือแม้แต่การทำวิดีโอโฆษณาบน YouTube
  
 
โฆษณาให้เห็นประโยชน์ของสินค้า ว่าจะช่วยให้ชีวิตของลูกค้าดีขึ้นอย่างไร
  
 
เจาะกลุ่มเป้าหมาย อย่าเน้นปริมาณ การโฆษณาที่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย นอกจากจะไม่ได้รับความสนใจแล้ว หลายครั้งเป็นการรบกวนผู้รับเสียอีก

2. สังคมแห่งความคิดเห็น 

การเปิดกว้างในการแสดงความคิดเห็นเช่นปัจจุบัน ลูกค้ายินดีในการมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นในการปรับปรุงสินค้า และการให้บริการ ซึ่งธุรกิจควรมองว่า คำแนะนำของลูกค้า คือ หนึ่งในกระบวนการพัฒนาสินค้า

ดังนั้น หากกลุ่มลูกค้าของคุณเป็นผู้ใช้ social network ในชีวิตประจำวัน การตลาดที่คุณควรทำ คือ
  
 
สร้างช่องทางให้ลูกค้าได้แสดงความคิดเห็นโดยตรงกับบริษัท ไม่ว่าจะเป็น FacebookLINEหรือผ่านหน้า website
  
 
จัดตั้งทีมงานที่คอยดูแลรับความคิดเห็น คำติชมจากลูกค้า และสามารถตอบคำถามหรือคลายความสงสัยให้กับลูกค้าได้ในเบื้องต้น
  
 
รักษาคุณภาพ และภาพพจน์ของธุรกิจบนโลกออนไลน์

3. เชื่อมโยง 

“ลูกค้าไปเดินเล่นห้างสรรพสินค้าแล้วเกิดถูกใจรองเท้าในร้านของคุณ เธอลองสี ลอง size เรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ จนกลับไปถึงบ้านแล้วเกิดอยากได้ขึ้นมา เธอจึงสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์แทน” เหตุการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องปกติใช่ไหมครับ

ดังนั้น หากกลุ่มลูกค้าของคุณ มีประสบการณ์ในการซื้อของออนไลน์เป็นประจำอยู่แล้ว การตลาดที่คุณควรทำ คือ
  
 
สร้างช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ เพิ่มเติมจากบริการหน้าร้าน
  
 
เตรียมระบบ เช่น รวบรวมฐานข้อมูลของสมาชิกจากระบบหน้าร้าน และระบบออนไลน์เข้าด้วยกัน
  
 
เชื่อมโยงเพราะไม่ว่าจะหน้าร้านหรือโลกออนไลน์ก็คือร้านเดียวกัน เช่น ลูกค้าที่เป็นสมาชิกอยู่ เมื่อสะสมแต้มได้ถึงยอด สามารถไปรับของสมนาคุณได้ที่สาขาของร้าน

4. Virtual Experience 

อันนี้อาจจะล้ำอยู่สักหน่อยครับ แต่เป็นหนึ่งในวิธีการตลาดที่เริ่มใช้กันบ้างแล้ว โดยเชื่อมโยงสินค้าเข้าสู่โลกเสมือนจริง เช่น ลูกค้าสามารถทดลองใช้ไม้กอล์ฟในร้าน ตีลูกกอล์ฟที่เชื่อมต่อเข้ากับระบบวัดความแรงและทิศทางของการตี และแสดงผลเสมือนจริงให้เห็นในจอ Projector ว่าลูกตีไปไกลแค่ไหน และไปในทิศทางใด เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของไม้ ทำให้ลูกค้าสามารถลองใช้งานได้จริงโดยที่ยังไม่ต้องซื้อสินค้า และมีประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้าที่ดีอีกด้วย หรือการเล่นเกมส์เก็บคะแนน เพื่อนำมาใช้แลกสินค้าที่ใช้ได้ในชีวิตจริงหรือใช้เป็นส่วนลดจากร้านค้า โดยวิธีเหล่านี้ ธุรกิจสามารถเก็บข้อเสนอแนะจากลูกค้า ทั้งใช้เป็นช่องทางในการโฆษณาสินค้า ก่อนวางออกขายได้ด้วย

ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และการใช้งานอย่างแพร่หลายของโลกอินเทอร์เน็ต ทำให้ธุรกิจและลูกค้ามีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น การปรับใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้บริโภคจึงนับเป็นสิ่งจำเป็นในการอยู่รอดของธุรกิจในยุคสมัยนี้ครับ

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Saturday, February 23, 2019

ทักษะของคนทำ Digital Marketing ที่ควรมี


ทักษะของคนทำ Digital Marketing ที่ควรมี


1. ทักษะการสื่อสาร : ทักษะการสื่อสารนั้นจำเป็นอย่างมากสำหรับคนทำ Digital Marketing ไม่ว่าจะสื่อสารเพื่อกันในทีมเองและสื่อสารกับคนนอกทีม ด้วยการที่คุณเป็นนักการตลาดคุณจะต้องเข้าใจว่าคนที่สื่อสารกับคุณกำลังต้องการอะไร และอยากจะได้ยินอะไรหรือได้อะไรจากคุณ ดังนั้นคุณควรจะมีความสามารถในการพูดนำเสนอ พูดในที่ประชุมและสามารถเป็นผู้นำและให้คำปรึกษาคนได้ด้วย
2. ความคิดสร้างสรรค์ : ทักษะต่อมาคือความคิดสร้างสรรค์ การที่คุณจะเป็นนักการตลาด Digital ได้ คุณต้องมีความคิดสร้างสรรค์เป็นอย่างมาก เพราะต้องสามารถคิดนอกกรอบ หรือเข้าใจในเรื่องอารมณ์และความต้องการของคนได้ พร้อมจะรู้ว่าความคิดสร้างสรรค์แบบไหนที่จะโดนกลุ่มเป้าหมาย หรือเข้าใจความสวยงามด้านศิลปะขึ้นมาได้
3. การวิเคราะห์ : ด้วยความที่เป็นโลก Digital ทำให้สามารถเก็บค่าตัวเลขต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย ทำให้คนทำ digital นั้นต้องสามารถเข้าใจในตัวเลขเหล่านี้และคิดวิเคราะห์ได้ว่า ตัวเลขต่าง ๆ มีความสัมพันธ์และความสำคัญอกันอย่างไร ทำอย่างไรจะได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นจากตัวเลขเหล่านั้น หรือลูกค้าสามารถเรียนรู้อะไรได้จากตัวเลขเหล่านี้
4. ความกระหาย : แน่นอนในตอนนี้ทุกคนคงได้ยินในเรื่อง Passion และ Passion หรือความกระหายนี้เป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่จะทำให้คุณเติบโตในงาน digital เพราะคุณอยากจะทำให้งานนั้นดีขึ้น หรืออยากเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม หรืออยากจะรู้ในสิ่งที่คุณอื่นไม่รู้ รวมทั้งเข้าใจในความต้องการของลูกค้า ทีมงาน และกลุ่มเป้าหมายว่าจะมาเจอกันได้อย่างไร
5. เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว : โลก Digital นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมักมีอะไรใหม่ ๆ ออกมาเสมอ ทำให้คนที่ทำ Digital Marketing ต้องสามารถมีความสามารถเรียนรู้ได้เองและเรียนรู้ได้เร็วเพื่อที่จะตามกระแสหรือนำกระแสต่าง ๆ ออกมาให้ทัน แล้วนำความรู้นั้นมาใช้ประโยชน์ได้ก่อนใคร เพราะถ้าคุณเรียนรู้ข้า คุณจะตามสิ่งต่าง ๆ ไม่ทันเลยทีเดียว
6. Multi Tasking : ด้วยความที่เป็น Digital Marketing เป็นหลาย ๆ อย่างรวมกัน ทำให้คุณต้องมีความเข้าใจในหลาย ๆ ศาสตร์และทำทุก ๆ อย่างพร้อม ๆ กันได้ เช่นวิเคราะห์ตัวเลข พร้อมทำแผนไปด้วย หรือเข้าใจในเรื่องเทคโนโลยี พร้อมทำเองได้ด้วย หรือพร้อมจะลงมือเองในเวลาที่สำคัญได้ เพราะการที่คุณจะเป้นคนทำ Digital Marketing ที่ดี คือการที่คุณควรทำอะไรใน digital เป็นด้วยอย่างน้อย
7.  อยากรู้ อยากเห็น : สิ่งที่แยกจากนักการตลาดที่ดี ออกจากนักการตลาดทั่ว ๆ ไป คือการที่เป็นคนอยากรู้อยากเห็น อยากเรียนรู้อะไรตลอดเวลา ทำให้คนที่เติบโตในสายงานนี้ได้ดีคือคนที่เรียนรู้ในทุก ๆ วัน หรือสามารถเอาเรื่องราวรอบตัวมาสร้างการเรียนรู้ให้ตัวเองได้ ทำให้ทุก ๆ วันตัวเองจะไม่อยู่ในจุดเดิมและเติบโตขึ้นตลอดเวลา
8. Socialism : ความยากของนักการตลาดสำหรับคนประเภท Introvert คือการเข้าสังคมเลย เพราะการที่จะเป็นนักการตลาดที่ดี ต้องเข้าสังคมเป็นและสามารถแนบเนียนไปสังคมต่าง ๆ ได้ เพื่อเรียนรู้ว่าแต่ละสังคมมีความต้องการอะไร หรือมีวัฒนธรรมแบบไหน นอกจากนี้ยังทำให้คุณสามารถสร้างเครือข่ายของคนรู้จักที่สามารถเอามาช่วยเหลือในอนาคตได้ด้วย
9. ชอบทดลอง : โลก Digital นั้นเต็มไปด้วยสิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลาทำให้การที่คุณจะเป็นนักการตลาด Digital นั้นคือการที่คุณต้องยินยอมเอาตัวเองไปทดลองสิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ยอมเจ็บเอง ลองเอง เพื่อเรียนรู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด เพื่อเอามาใช้ประโยชน์ในงานได้ตลอดเวลา ลองสังเกตุง่าย ๆ ว่าคุณชอบซื้อ Gadget ใหม่ ๆ ที่ออกทันที หรือรอคนจำนวนมากใช้แล้วค่อยซื้อ
10. ชอบเทคโนโลยี : สุดท้ายการที่คุณจะเป็น Digital Marketing ที่ดี คือการที่คุณชอบเทคโนโลยีเพราะโลกออนไลน์นั้นผูกติดกับเทคโนโลยีต่าง ๆ แล้วถ้าคุณชอบเทคโนโลยีคุณก็จะหาทางเรียนรู้หรือเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ นั้นมาลองว่า เทคโนโลยีเหล่านั้นทำงานอย่างไร จะเอามาใช้ในงานอย่างไร หรือมีลูกค้าอะไรใหม่เหมาะ
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Friday, February 22, 2019

MARKETING 4.0 การตลาดแห่งยุค


MARKETING 4.0 

เห็นจั่วหัวมาด้วยเลข 4.0 แบบนี้ เชื่อว่าต้องมีใครหลายคนนึกไปถึงคำว่า ไทยแลนด์ 4.0 กันบ้างแน่ๆ ซึ่งก็ต้องบอกว่าช่วงหลังมานี้เราได้ยินทั้งคำ 2 คำนี้กันบ่อยขึ้น ฟังแล้วก็ดูคล้ายๆ กัน น่าจะมีความเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า? มาเริ่มทำความเข้าใจกันทีละประเด็น
ไทยแลนด์ 4.0 (Thailand 4.0) คือ โมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย โดยรัฐบาลไทย ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาระบบเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ทั้งภาคอุตสาหกรรมที่จะหันมาใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้มากขึ้น รวมถึงการผลิตสินค้าที่เป็นเชิงนวัตกรรมเองด้วย
ส่วน การตลาด 4.0 (Marketing 4.0) นั้น เป็นคำที่โด่งดังมาจากหนังสือ Marketing 4.0 ของ Philip Kotler ซึ่งกล่าวถึงการทำการตลาดในลักษณะที่ใช้เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย เพื่อเพิ่มช่องทางในการขาย, เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแบรนด์, เพิ่มยอดขาย และเพื่อประโยชน์ต่างๆ ได้อีกเยอะแยะมากมาย ซึ่งในส่วนนี้จะเห็นว่าแนวคิดของทั้ง 2 คำนี้ดูจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีจุดร่วมคือ การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้มากขึ้น
สำหรับการประยุกต์ใช้การตลาด 4.0 แบบง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ (และควรทำด้วย) ก็คือการใช้ช่องทางออนไลน์ในการทำ 3 สิ่งดังต่อไปนี้
  • มีหน้าร้านค้าออนไลน์ ควบคู่ไปกับหน้าร้านปกติ สร้างความเชื่อมโยงของทั้งสองเข้าด้วยกันผ่านกิจกรรมต่างๆ หรือช่วยอำนวยความสะดวกในหน้าร้านจริง เช่น การหาข้อมูลและตำแหน่งของสินค้าในหน้าร้านจริงผ่านทางแอปพลิเคชั่น สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า ทั้งยังเป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกันระหว่างร้านออนไลน์กับร้านค้าจริงๆ
  • นำเสนอสินค้าทางออนไลน์ คำนี้อาจไม่ได้หมายถึงการมีหน้าร้านค้าออนไลน์เท่านั้น แต่หมายถึงช่องทางออนไลน์ทุกรูปแบบ ทั้งในเสิร์ชเอ็นจิ้น อย่างการทำให้ลูกค้าเสิร์ชหาแล้วเจอข้อมูลสินค้าของแบรนด์คุณ โดยผลการค้นหาที่ขึ้นมานั้นอาจจะไม่ได้มาจากหน้าเว็บไซต์หรือแฟนเพจของแบรนด์โดยตรงก็ได้ แต่ได้มาจากการรีวิว การใช้ Influencer ก็ได้
  • เปิดช่องทางแสดงความคิดเห็น เพราะการโฆษณาไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของผู้บริโภคในปัจจุบันอีกต่อไป การรีวิวจากู้ใช้งานจริงจึงสำคัญมาก รวมถึงพลังองการ “บอกต่อ” นี่แหละ ที่จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจจะซื้อหรือไม่ซื้อสินค้าของเรา นอกจากนี้ความคิดเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นยังจะช่วยในการพัฒนาปรับปรุงแบรนด์หรือสินค้าของเราให้ถูกใจผู้บริโภคได้อีกด้วย
นอกเหนือจากเรื่องของการใช้เทคโนโลยีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ “กลยุทธ์” เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่หยุดนิ่ง การตลาดเองก็เช่นกัน ถ้าไม่มีการพัฒนาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์กันบ้างเลยมันจะเป็นการตลาด 4.0 ไปได้อย่างไร เราจึงขอทิ้งท้ายเอาไว้ด้วย “กลยุทธ์ 5A” จากหนังสือ Marketing 4.0
  1. Aware การทำให้ลูกค้ารู้จักกับสินค้า หรือแบรนด์ของเรา
  2. Appeal คือการดึงดูดความสนใจจากลูกค้า ทำอย่างไรให้เราเข้าไปเป็นตัวเลือกในอันดับต้นๆ จากคู่แข่งจำนวนมากมาย
  3. Ask เมื่อลูกค้าให้ความสนใจแล้ว ต่อมาก็คือการซักถามถึงข้อมูล รายละเอียดต่างๆ ของสินค้า หรือการค้นหาข้อมูล รีวิวจากการใช้งานจริง
  4. Act หลังจากการรับรู้ สนใจ ซักถาม แล้วล่ะก็ ในกรณีที่คุณทำให้ลูกค้าพึงพอใจในตัวสินค้าได้การตัดสินใจซื้อก็จะเกิดตามมา
  5. Advocate คือการบอกต่อ อันเกิดจากการที่ลูกค้าใช้งานสินค้าแล้วเกิดความประทับใจหรือไม่ประทับใจก็ได้ ลูกค้าสามารถบอกต่อได้ทั้งหมด แต่จะเป็นแง่ดีหรือร้ายก็แล้วแต่ประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับมา พลังแห่งการบอกต่อนี้สำคัญมากและส่งผลกระทบต่อแบรนด์ได้มากอย่างที่คุณอาจคาดไม่ถึงเลย และเป็นข้อที่ทำให้นักการตลาดควรตระหนักเป็นอย่างยิ่งว่าไม่ใช่แค่เทคโนโลยีเท่านั้นที่มีความสำคัญต่อการตลาด 0 แต่ยังมีเรื่องของ “ผู้คน” ด้วย

เพราะพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้คนในทุกวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ก็คงถึงเวลาที่คุณต้องถามตัวเองแล้วว่าแบรนด์ของเราล่ะ มีสิ่งที่เรียกว่า การตลาด 4.0 รองรับกันเอาไว้แล้วหรือยัง เพราะแค่การตลาดอย่างเดียวคงไม่สามารถลงสนามเข้าแข่งขันได้อีกต่อไปแล้ว

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Thursday, February 21, 2019

DIGITAL PLANNING การวางแผนการตลาด


DIGITAL PLANNING, STRATEGY AND MANAGEMENT

ธุรกิจของคุณจะโลดแล่นอยู่ในโลกดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ทันสมัย ก้าวทันคู่แข่งในทุกโอกาส และนี่คือเบื้องหลังที่เราพร้อมก้าวไปกับคุณ
การวางแผนการตลาด (Digital Marketing Planning) เริ่มจากการกำหนดแนวทางในการสื่อสารทั้งภาพ และข้อความ รวมถึงการวิเคราะห์คู่แข่ง เปรียบเทียบโอกาสและช่องทางการตลาดในโลกออนไลน์ทั้งหมด
กำหนดกลยุทธ์ (Digital Strategy) สำหรับการทำ Digital marketing ทั้งหมด กำหนด Key Communicate พร้อมรายละเอียดแยกตามสื่อ โดยแยกตาม Marketing Stages ให้สัมพันธ์กับ Customer Journey โดยรวมไปถึงขั้นตอนการพัฒนาไปในแต่ละ Stage ของลูกค้า
การตั้งเป้าหมาย (Goal) การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน และสัมพันธ์กับสิ่งที่ดำเนินการ เพื่อตอบโจทย์ได้ถูกต้อง ช่วยให้ธุรกิจของคุณบรรลุผลอย่างเต็มประสิทธิภาพ หรือก็คือการทำ SMART Goal นั้นเอง
การกำหนดตัวชี้วัด (KPI) เพื่อใช้วัดผลและประเมินผลการทำงาน และง่ายต่อการปรับปรุงพัฒนาต่อๆ ไป อันนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องกำหนดรายละเอียด เพื่อชี้วัดความสำเร็จของสิ่งที่ทำแต่ละส่วน โดยจะเกี่ยวข้องกับ Metrics หลายๆ ตัวและต้องพิจารณาถึง Benchmarks ด้วย
การจัดการค่าใช้จ่าย Budget และ Resources ช่วยให้คุณสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการทำงานได้อย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งการวางแผนงานด้านทรัพยากรต่างๆ เช่นเครื่องมือ Software และทีมงานา
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Wednesday, February 20, 2019

รับทำการตลาดออนไลน์ Google AdWords


Google AdWords การทำโฆษณาแบบ Pay Per Click (PPC) ซึ่งเป็นการทำโฆษณาในรูปแบบหนึ่งของ Google Advertising คือ การทำโฆษณาบนหน้า Google ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการ ซึ่งเมื่อคลิกที่โฆษณานั้นก็จะลิงก์ไปยังเว็บไซต์ ที่เรากำหนดไว้ได้ทันที ซึ่งคุณจะเสียค่าใช้จ่ายเมื่อมีคนคลิกเท่านั้น แต่ถ้าชมอย่างเดียว ไม่มีการคลิก ก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยโฆษณาของคุณจะปรากฏตามคีย์เวิร์ด ที่คุณเลือก ซึ่งเว็บไซต์ของคุณจะต้อง อยู่ในส่วน Sponsored ของ Google สังเกตุจากเมื่อเราค้นหาอะไรซักอย่างจาก Google ผลที่ได้จากการค้นหาจะมีกรอบสี่เหลี่ยมอยู่ด้านบน และด้านขวาเสมอ


ข้อดีของการทำ Google AdWords (PPC)

  •  การทำ Google AdWords ใช้เวลาภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อให้โฆษณา ปรากฎได้ทันที
  •  การทำ Google AdWords สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ทันทัน โดย
    • สามารถเลือกตลาดที่จะทำได้ เช่น ทำเฉพาะประเทศไทยประเทศเดียว หรือหลายประเทศ
    • สามารถเลือกภาษาของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ เช่น เป็นภาษาอังกฤษ ภาษาจีน หรือ ภาษาอื่นๆ ก็ได้
    • สามารถเลือกได้ว่าจะแสดงผลที่ใดบ้าง เช่น ใน Google อย่างเดียว, บริการทุกอย่างของ Google (Google Content Network) และ Partner ของ Google ก็ได้
  •  การทำ Google AdWords ไม่ต้องเสียเวลาการปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์
  •  การทำ Google AdWordsสามารถเลือกช่วงเวลาที่จะแสดงโฆษณาในแต่ละวันได้
  •  การทำ Google AdWords สามารถใช้คีย์เวิร์ด ได้ไม่จำกัดจำนวนและยังสามารถแก้ไข หรือเปลี่ยน แปลงคีย์เวิร์ด และ ข้อความโฆษณาต่างๆได้ตลอดเวลา ตามต้องการ
  •  การทำ Google AdWordsสามารถกำหนดงบประมาณประจำวันได้เอง


ประโยชน์ของการทำ Google Adwords (PPC)

  •  การทำ Google AdWords สามารถโฆษณาได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ
  •  การทำ Google AdWords ทำให้มีคนรู้จักเว็บไซต์คุณมากขึ้น
  •  การทำ Google AdWords เพิ่มโอกาสในการขายและทำให้ผู้คนเข้าถึงธุรกิจได้มากขึ้นอย่าง รวดเร็ว
  •  การทำ Google AdWords ได้รับผลกำไรกลับคืนมาก แต่เสียค่าใช้จ่ายน้อย
  •  การทำ Google AdWords ไม่ต้องเสียเวลาในการปรับแต่งโครงสร้างของเว็บไซต์
  •  การทำ Google AdWords สามารถขยายตลาดให้ครอบคลุมทั่วโลกได้
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Tuesday, February 19, 2019

การตลาดในโลกสมัยใหม่

ในปัจจุบันทุกคนคงจะปฏิเสธไม่ได้เกี่ยวกับใช้สื่อสังคมออนไลน์หรือที่เรียกกันว่า Social Media เพื่อเป็นช่องทางติดต่อสื่อสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ จนเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสังคมในโลกออนไลน์ก็ว่าได้ ซึ่งนับได้ว่าเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน
รูปภาพจาก my-thai.org
จากรูปเป็นการแสดงข้อมูลสถิติการใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ของประเทศไทยในปี 2561 โดยอันดับหนึ่งของสื่อสังคมออนไลน์ที่ถูกใช้งานมากที่สุดคือ Facebook คิดเป็น75 % ถัดมาเป็น Youtube คิดเป็น 72% Line คิดเป็น 64% และอื่นๆ
เว็บไซต์มาร์เก็ตบัซซ (Marketbuzzz) ได้เผยผลสำรวจการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ในแต่ละวัน สามารถแบ่งผู้ใช้งานเป็น 2 ประเภท คือ ภาคธุรกิจ และ คนทั่วไป
โดยในภาคธุรกิจทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่กว่า 89% ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการดำเนินงานธุรกิจต่าง ๆ เช่น การใช้ Facebook ในการทำการตลาดออนไลน์ เพื่อเป็นช่องทางการโฆษณาและสามารถเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรงและกว่า 71% ของบุคคลทั่วไปนั้นใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการติดต่อสื่อสารกัน
รูปภาพจาก my-thai.org
จากการสำรวจยังพบอีกว่าการใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ในการทำการตลาดนั้น จะสามารถเข้าถึงบุคคลทั่วไปหรือกลุ่มลูกค้าได้ง่าย และยังมีแนวโน้มสูงในการแชร์ข้อมูลต่างๆ ไปยังกลุ่มคนอื่นๆ มากขึ้น หากสินค้าหรือการทำโฆษณานั้นดึงดูดให้ผู้คนสนใจ
ดังนั้นจึงเป็นผลดีต่อภาคธุรกิจที่จะสามารถลดต้นทุนในการโฆษณาหรือการกระจายข่าวสารโดยการทำให้กลไกการเผยแพร่ข้อมูลนั้นกระจายออกไปเรื่อยๆ และทำให้เป็นที่รู้จักกับบุคคลทั่วไป
ในส่วนของการทำการตลาดหรือการโฆษณาสินค้าและบริการนั้นจำเป็นจะต้องมีการกระจายข้อมูลโดยผ่านสื่อสังคมออนไลน์ที่มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น ช่องทาง Facebook , Twitter และ Line เป็นต้น หากว่าภาคธุรกิจมุ่งเน้นการกระจายข่าวสารไปยังสื่อสังคมออนไลน์ช่องทางใดช่องทางหนึ่ง อาจทำให้ผู้ใช้ในช่องทางอื่นๆ ถูกจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลลดลง และจะเป็นการเสียโอกาสในการเสนอสินค้าและบริการของภาคธุรกิจอีกด้วย

รูปภาพจาก freepik
กล่าวโดยสรุปคือในยุคปัจจุบันและอนาคตสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) นั้นจะกลายมาเป็น Platfrom ที่จะสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่สนใจในสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้นผ่านช่องทางการโฆษณาสินค้าในแต่ละ Platform ที่มีบริการให้เลือกใช้งาน และยังเป็นผลดีต่อผู้บริโภคที่จะเป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารเพื่อเลือกซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้