MARKETING 4.0
เห็นจั่วหัวมาด้วยเลข 4.0 แบบนี้ เชื่อว่าต้องมีใครหลายคนนึกไปถึงคำว่า ไทยแลนด์ 4.0 กันบ้างแน่ๆ ซึ่งก็ต้องบอกว่าช่วงหลังมานี้เราได้ยินทั้งคำ 2 คำนี้กันบ่อยขึ้น ฟังแล้วก็ดูคล้ายๆ กัน น่าจะมีความเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า? มาเริ่มทำความเข้าใจกันทีละประเด็น
ไทยแลนด์ 4.0 (Thailand 4.0) คือ โมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย โดยรัฐบาลไทย ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาระบบเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ทั้งภาคอุตสาหกรรมที่จะหันมาใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้มากขึ้น รวมถึงการผลิตสินค้าที่เป็นเชิงนวัตกรรมเองด้วย
ส่วน การตลาด 4.0 (Marketing 4.0) นั้น เป็นคำที่โด่งดังมาจากหนังสือ Marketing 4.0 ของ Philip Kotler ซึ่งกล่าวถึงการทำการตลาดในลักษณะที่ใช้เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย เพื่อเพิ่มช่องทางในการขาย, เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแบรนด์, เพิ่มยอดขาย และเพื่อประโยชน์ต่างๆ ได้อีกเยอะแยะมากมาย ซึ่งในส่วนนี้จะเห็นว่าแนวคิดของทั้ง 2 คำนี้ดูจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีจุดร่วมคือ การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้มากขึ้น
สำหรับการประยุกต์ใช้การตลาด 4.0 แบบง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ (และควรทำด้วย) ก็คือการใช้ช่องทางออนไลน์ในการทำ 3 สิ่งดังต่อไปนี้
- มีหน้าร้านค้าออนไลน์ ควบคู่ไปกับหน้าร้านปกติ สร้างความเชื่อมโยงของทั้งสองเข้าด้วยกันผ่านกิจกรรมต่างๆ หรือช่วยอำนวยความสะดวกในหน้าร้านจริง เช่น การหาข้อมูลและตำแหน่งของสินค้าในหน้าร้านจริงผ่านทางแอปพลิเคชั่น สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า ทั้งยังเป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกันระหว่างร้านออนไลน์กับร้านค้าจริงๆ
- นำเสนอสินค้าทางออนไลน์ คำนี้อาจไม่ได้หมายถึงการมีหน้าร้านค้าออนไลน์เท่านั้น แต่หมายถึงช่องทางออนไลน์ทุกรูปแบบ ทั้งในเสิร์ชเอ็นจิ้น อย่างการทำให้ลูกค้าเสิร์ชหาแล้วเจอข้อมูลสินค้าของแบรนด์คุณ โดยผลการค้นหาที่ขึ้นมานั้นอาจจะไม่ได้มาจากหน้าเว็บไซต์หรือแฟนเพจของแบรนด์โดยตรงก็ได้ แต่ได้มาจากการรีวิว การใช้ Influencer ก็ได้
- เปิดช่องทางแสดงความคิดเห็น เพราะการโฆษณาไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของผู้บริโภคในปัจจุบันอีกต่อไป การรีวิวจากู้ใช้งานจริงจึงสำคัญมาก รวมถึงพลังองการ “บอกต่อ” นี่แหละ ที่จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจจะซื้อหรือไม่ซื้อสินค้าของเรา นอกจากนี้ความคิดเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นยังจะช่วยในการพัฒนาปรับปรุงแบรนด์หรือสินค้าของเราให้ถูกใจผู้บริโภคได้อีกด้วย
นอกเหนือจากเรื่องของการใช้เทคโนโลยีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ “กลยุทธ์” เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่หยุดนิ่ง การตลาดเองก็เช่นกัน ถ้าไม่มีการพัฒนาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์กันบ้างเลยมันจะเป็นการตลาด 4.0 ไปได้อย่างไร เราจึงขอทิ้งท้ายเอาไว้ด้วย “กลยุทธ์ 5A” จากหนังสือ Marketing 4.0
- Aware การทำให้ลูกค้ารู้จักกับสินค้า หรือแบรนด์ของเรา
- Appeal คือการดึงดูดความสนใจจากลูกค้า ทำอย่างไรให้เราเข้าไปเป็นตัวเลือกในอันดับต้นๆ จากคู่แข่งจำนวนมากมาย
- Ask เมื่อลูกค้าให้ความสนใจแล้ว ต่อมาก็คือการซักถามถึงข้อมูล รายละเอียดต่างๆ ของสินค้า หรือการค้นหาข้อมูล รีวิวจากการใช้งานจริง
- Act หลังจากการรับรู้ สนใจ ซักถาม แล้วล่ะก็ ในกรณีที่คุณทำให้ลูกค้าพึงพอใจในตัวสินค้าได้การตัดสินใจซื้อก็จะเกิดตามมา
- Advocate คือการบอกต่อ อันเกิดจากการที่ลูกค้าใช้งานสินค้าแล้วเกิดความประทับใจหรือไม่ประทับใจก็ได้ ลูกค้าสามารถบอกต่อได้ทั้งหมด แต่จะเป็นแง่ดีหรือร้ายก็แล้วแต่ประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับมา พลังแห่งการบอกต่อนี้สำคัญมากและส่งผลกระทบต่อแบรนด์ได้มากอย่างที่คุณอาจคาดไม่ถึงเลย และเป็นข้อที่ทำให้นักการตลาดควรตระหนักเป็นอย่างยิ่งว่าไม่ใช่แค่เทคโนโลยีเท่านั้นที่มีความสำคัญต่อการตลาด 0 แต่ยังมีเรื่องของ “ผู้คน” ด้วย
เพราะพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้คนในทุกวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ก็คงถึงเวลาที่คุณต้องถามตัวเองแล้วว่าแบรนด์ของเราล่ะ มีสิ่งที่เรียกว่า การตลาด 4.0 รองรับกันเอาไว้แล้วหรือยัง เพราะแค่การตลาดอย่างเดียวคงไม่สามารถลงสนามเข้าแข่งขันได้อีกต่อไปแล้ว
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้
No comments:
Post a Comment