Tuesday, July 31, 2018

CHECKLIST เราจะทำ SEO อย่างไร ให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับบน GOOGLE


SEO คืออะไร? ทำไมธุรกิจไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องการทำ SEO?

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักการทำ SEO ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน สำหรับมือใหม่ที่ไม่มีความรู้ด้านนี้มาก่อน และแนะนำเทคนิคแบบสั้นกระชับให้คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ด้วยตัวเองเบื้องต้น

SEO คืออะไร

SEO ย่อมาจากคำว่า Search Engine Optimization อธิบายง่ายๆ ก็คือการพยายามทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับตำแหน่งแรกๆ บนหน้าของ Google เพื่อเพิ่มโอกาสที่คนจะค้นเจอ และคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ของคุณ

การทำ SEO สำคัญกับธุรกิจอย่างไร

สำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์ ใครๆ ก็คงอยากให้ลูกค้าคลิกเข้ามาดูมากๆใช่มั้ย เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย ยิ่งผู้บริโภคยุคนี้จะซื้ออะไรแต่ละทีก็ต้องหาข้อมูลจาก Google ก่อน ดังนั้นการที่เว็บไซต์ของเราปรากฏอยู่บนหน้าแรกของ Google ก็เหมือนกับร้านค้าที่อยู่ในทำเลที่ดี มีคนผ่านไปมามากมาย โอกาสที่จะขายของได้ก็ย่อมมีมากกว่าร้านค้าที่อยู่ในตรอกซอกซอยลึกลับต่างๆ

ทางลัดในการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ บนหน้าแสดงผลการค้นหาของ Google ก็คือลงทุนซื้อโฆษณามันซะเลย แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบวิธีการแบบนั้น SEO ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย และให้ผลได้ดีในระยะยาวอีกด้วย

Checklist ทำ SEO ต้องคิดถึงอะไรบ้าง

ในการทำ SEO เบื้องต้น มีปัจจัย 3 ด้านหลักๆ ที่คุณต้องคำนึงถึง ดังนี้ ...


เนื้อหาของเว็บไซต์

เนื้อหาเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการทำ SEO แม้หลักเกณฑ์ในการจัดอันดับเว็บไซต์ของ Google จะประกอบด้วยหลายๆ ปัจจัยด้วยกัน แต่หลักคิดสำคัญคือ Google ต้องการให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์จากการใช้งานมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นเว็บไซต์ที่มี Keyword ตรงกับสิ่งที่ผู้คนค้นหา และเป็นประโยชน์กับคนอ่าน จึงเป็นส่วนสำคัญที่ Google จะให้คะแนนครับ

หลักการบรรจุ Keyword สำหรับทำ SEO เบื้องต้นก็คือ แทรกเข้าไปในเนื้อหาของบทความในปริมาณที่เหมาะสมที่สุด (ถ้ามากเกินไป Google อาจมองว่าเว็บไซต์จงใจหลอกนั่นเอง) รวมถึงการใส่ใน Title, URL และ Description เพื่อบอกให้ Google รู้ว่าคอนเทนต์นั้นเกี่ยวข้องกับ Keyword ใดๆ

ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์

การมี Backlink หรือการที่เนื้อหาของเราถูกนำไปใช้อ้างอิงโดยเว็บไซต์อื่นๆ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญในการทำ SEO เช่นเดียวกับการที่มีคอนเทนต์ของเราแพร่หลายใน Social Network เพราะเป็นสิ่งแสดงว่า เว็บไซต์ของเรามีคุณภาพและมีคนสนใจ

อย่างไรก็ตาม หากเป็น Link ที่มาจากเว็บไซต์ที่ไม่มีคุณภาพ เช่น เว็บที่รับจ้างใส่ Link คุณก็อาจถูกลดความน่าเชื่อถือลงได้นั้นเองครับ

โครงสร้างเว็บไซต์

ควรพิจารณาด้วยว่า โครงสร้างเว็บไซต์ของคุณเอื้อต่อการทำ SEO หรือไม่ ส่วนนี้อาจจะลงลึกไปอีกหน่อยนึง เพราะเกี่ยวกับเทคนิคด้านโครงสร้างของเว็บไซต์ ความสะดวกในการใช้งาน และความปลอดภัย เช่น Hosting หรือที่ๆ เราใช้ฝากเว็บไซต์ไว้ ควรเลือก Hosting ที่ดี มีมาตรฐาน

หรือการเพิ่มความเร็วของเว็บไซต์ โดยเฉพาะเรื่อง Responsive Design หรือการปรับเว็บไซต์ให้รองรับการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญดูแลให้

ทั้งหมดนี้เป็นหลักเกณฑ์พื้นฐานในการทำ SEO อย่างไรก็ตาม ต้องทำความเข้าใจด้วยว่า การทำ SEO นั้นต้องให้เวลากับมันสักหน่อย ไม่ใช่ปรับวันนี้แล้วจะเห็นผลทันที (โดยทั่วไปอาจใช้เวลาเป็นเดือน) และเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพราะ SEO เองก็เป็นเรื่องของการแข่งขัน ถ้ามีใครทำได้ดีกว่าคุณ ก็มีโอกาสที่อันดับจะร่วงลงไป

แม้เทคนิคการทำ SEO บางส่วนจะเป็นสิ่งที่ทำเองได้ แต่ก็มีอีกหลายส่วนที่ต้องอาศัยความรู้เชิงลึก ที่ Heroleads เรามีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำแนะนำ และมีบริการจัดทำ SEO ให้กับเว็บไซต์สำหรับทุกกลุ่มธุรกิจ ครอบคลุมตั้งแต่การปรับโครงสร้างเว็บไซต์ ไปจนถึงการสร้างสรรค์เนื้อหาเพื่อให้ติดอันดับการค้นหาบน Google


บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้



Sunday, July 29, 2018

การวางแผนก่อนการ รับทำ SEO



แนวทางการวางแผนก่อนคิดจะ รับทำ SEO


  ก่อนที่จะเข้าถึงขั้นตอนในการ รับทำ SEO กันอย่างละเอียด  เนื้อหาต่อไปนี้จะมีส่วนช่วยให้ท่านคิดวางแผน ว่าต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้ท่านเห็นภาพรวมทั้งหมดของกระบวนการที่ท่านจำเป็นจะต้องเรียนรู้ แผนการที่ดีที่จะทำให้การทำงาน SEO ของท่านเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  1.  การทำ SEO เริ่มจากการกำหนดกลุ่มผู้อ่าน
เว็บไซต์ก็คือหนึ่งในช่องทางการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าทั้งหลาย ถ้าท่านได้สื่อสารกับลูกค้าที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของท่านได้ลูกค้าเหล่านั้นจะยิ่งชอบเว็บไซต์ของท่านได้มากยิ่งขึ้น แต่ถ้าลูกค้าไม่ชอบสิ่งที่นำเสนอในเว็บไซต์ของท่านนั้นก็อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้กำลังสนใจในสิ่งที่ท่านเองได้กำลังเสนออยู่ก็เป็นได้ หรือพูดง่ายๆ ก็คือว่า เขาไม่ใช่กลุ่มลูกค้าของท่านนั่นเอง ดังนั้นในขั้นตอนแรกก็คือการที่ท่านเองจะต้อง ทำความรู้จักกับเว็บไซต์ของตัวเองให้เข้าใจอย่างถ่องแท้เสียก่อนว่าใครคือ กลุ่มผู้อ่านหรือกลุ่มลูกค้าของเว็บไซต์ท่าน และท่านเองได้สร้างเว็บไซต์นี้ขึ้นมาเพื่อให้ประโยชน์อะไร และเว็บไซต์ของท่านได้มีเป้าหมายที่ต้องการสิ่งใดจากลูกค้า

  1. คัดเลือก Keyword ที่มีศักยภาพ
เมื่อท่านเองกำหนดได้แล้วว่า กลุ่มผู้อ่านหรือกลุ่มลูกค้าของเว็บไซต์ท่านเป็นคนกลุ่มไหน ขั้นตอนต่อไปก็คือการที่ท่านเองจะต้องกำหนดว่ากลุ่มผู้อ่าน/กลุ่มลูกค้าเหล่านั้นจะใช้ Keyword อะไรในการค้นหาเว็บไซต์ พวกเขากำลังมองหาอะไร และเว็บไซต์ของท่านจะเข้าถึงกลุ่มผู้อ่าน/กลุ่มลูกค้าเหล่านั้นด้วย Keyword อะไรบ้าง แต่ก็จะมีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยให้การค้นหา Keyword เหล่านั้นง่ายขึ้นด้วย
การคัดเลือก Keyword ที่ดีจะมีส่วนช่วยให้เว็บไซต์ของท่านมีโอกาสที่จะเพิ่ม Traffic จำนวนมากให้เข้ามาสู่เว็บไซต์และก็จะเป็น Traffic ที่ได้จากกลุ่มผู้อ่านหรือกลุ่มลูกค้า ที่ตรงกับเป้าหมายทางการตลาดของเราอีกด้วย ในการ รับทำ SEO จะต้องอาศัยหลักการวิเคราะห์หลายๆอย่างเพื่อให้ได้ Keyword ที่สามารถนำมาสร้างประโยชน์ให้กับเว็บไซต์ได้จริงๆ ท่านจำเป็นต้องใช้เวลากับในขั้นตอนการวิเคราะห์ Keyword นี้ให้มากเป็นพิเศษ เพราะมันเป็นสิ่งที่คุ้มค่าและจะสร้างประโยชน์ในกับเว็บไซต์ของท่านเองภายหลัง


  1. เริ่มทำ SEO On-Page
หลังจากที่ผ่านขั้นตอนการวิเคราะห์หากลุ่มผู้อ่านหรือกลุ่มลูกค้าจนท่านได้ Keyword ที่จะต้องมาทำSEO กันแล้ว ในขั้นตอนต่อไปก็คือการเริ่มต้นทำ SEO On-Page โดยมีรายละเอียดคร่าวๆดังต่อไปนี้
  • ปรับแต่ง Meta Tag ในแต่ละหน้าเพจ
    การปรับแต่ง Meta Tag จะเป็นการช่วยบอกให้ Crawlers ของ Search Engine ที่จะเข้ามาเก็บข้อมูลในเว็บไซต์ของท่าน ให้ทราบว่าเนื้อหาที่ได้อยู่ภายในเพจของแต่ละหน้านั้นเกี่ยวข้องกับ Keyword อะไรบ้างเพื่อให้ Crawlers นำกลับไปเป็นดัชนีเก็บไว้ในฐานข้อมูลต่อไป
  • เขียนเนื้อหาในเว็บไซต์ให้ส่งผลต่อการ ทำSEO
    เนื้อหาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการ รับทำ SEO On-Page และเป็นจุดที่ Google เองให้น้ำหนักมากที่สุดในการจัดอันดับในหน้า SERP ในเนื้อหาแต่ละหน้าเพจจะถูก Crawlers เข้าไปเก็บข้อมูลอย่างละเอียดและทำความเข้าใจว่าเนื้อหานั้นเกี่ยวข้องกับ Keyword คำใดบ้าง แล้วคงไม่แปลกใจเลยที่คนทำ SEO ในประเทศไทยและต่างประเทศได้ยกให้ Content is king หรือเนื้อหาเป็นราชาของทั้งหมดในการ รับทำ SEO
  • ปรับแต่งโครงสร้างของเว็บไซต์
    การปรับแต่งโครงสร้างของเว็บไซต์เป็นการอำนวยความสะดวกให้ Crawlers วิ่งเข้ามาไต่เก็บข้อมูลภายในเว็บไซต์ได้ง่ายโดยไม่เกิดการติดขัดใดๆ ถ้าโครงสร้างของเว็บไซต์ไม่ดี Crawlers อาจจะวิ่งหลงทางในเว็บไซต์และหาสิ่งใดไม่เจอเลยก็ได้ นอกจากนี้เว็บไซต์ที่มีโครงสร้างดีจะส่งผลให้เว็บไซต์นั้นมีประสิทธิภาพที่ดีตามไปด้วย ทำให้ผู้ที่เข้ามาใช้งานเกิดประสบการณ์การใช้งานที่ดี ไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการโหลดหน้าเพจหรือการค้นหาสิ่งที่ต้องการได้โดยไม่รู้สึกว่าใช้งานยากจนเกินไปอันเนื่องมาจากโครงสร้างของเว็บไซต์ไม่ซับซ้อนจนเกินไป เรื่องโครงสร้างของเว็บไซต์ผลจะอธิบายอีกครั้งในบทที่ 5


  1. ขั้นตอนต่อไปคือการทำ SEO Off-Page
จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรที่ตายตัวว่าควรจะทำ On-Page หรือ Off-Page ก่อนหรือหลังกันเพราะอย่างไรก็จะต้องทำทั้ง 2 อย่างอยู่ดี แต่จากประสบการณ์แล้วการเริ่มต้นทำ On-Page ก่อนแล้วค่อยตามด้วย Off-Page น่าจะง่ายที่สุด ขั้นตอนในการทำ Off-Page แบบคร่าวๆมีดังต่อไปนี้
  • สร้าง Backlink เพื่อยิงเข้าสุ่เว็บไซต์
    Backlink คือ การใช้ลิ้งค์เพื่อช่วยในการเชื่อมโยงจากเว็บไซต์หนึ่งไปสู่อีกเว็บไซต์หนึ่ง โดยอาจจะทำเพื่ออ้างอิง, แชร์บทความ, บอกต่อเนื้อหาและอื่นๆอีกมากมาย การได้เว็บไซต์ของท่านได้รับ Backlink จากเว็บไซต์อื่นๆ ในทาง SEO แล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและมีประโยชน์ในการช่วยจัดอันดับของ Google เพราะ Google ได้มองว่าการทำลิ้งค์เชื่อมโยงไปสู่เว็บไซต์อื่นๆ นั้นเสมือนเป็นการโหวตให้กับอีกเว็บไซต์หนึ่ง
  • ใช้ Social Media ให้เป็นประโยชน์
    โลกอินเตอร์เน็ตในยุคปัจจุบันคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า Social Media คือสิ่งที่อยู่คู่กับชีวิตประจำวันของผู้คน ถ้าท่านสามารถที่จะใช้ Social Media เพื่อช่วยในการกระจายและบอกต่อบทความก็ถือได้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการทำ SEO อย่างมาก
  • การทำ Search Engine Submission
    Search Engine Submission เป็นการทำ SEO แบบดั้งเดิมที่แต่ก็ถือได้ว่ายังมีประโยชน์อยู่ในยุคปัจจุบันมัน เพราะมันคือการที่เรานำเอาเว็บไซต์ของเราไปลงทะเบียนกับเว็บไซต์ Search Engine ทั้งหลายเพื่อให้ Search Engine เหล่านั้นรู้จักเว็บไซต์ของเราและเก็บบันทึกเข้าสู่ Directory เอาไว้



  1. ดูแลปรับปรุงเว็บไซต์อยู่เรื่อยๆ
ในการทำ SEO เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาและการปฏิบัติค่อนข้างจะยาวนาน ไม่ใช่จะสามารถกระโดดข้ามไปติดในอันดับต้นๆ กันได้อย่างรวดเร็ว ต้องใช้เวลาและความอดทนค่อนข้างมากเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นท่านเองอย่าได้ใจร้อน และเมื่อ Rank ติดในอันดับต้นๆ ได้แล้วก็อย่าได้นิ่งนอนใจต้องคอยหมั่นดูแลรักษาให้คงอยู่เหมือนเดิม ต้องคอยอัพเดตเนิ้อหาและทำเว็บไซต์ที่ประโยชน์ต่อผู้อ่านอยู่เสมอ เพื่อให้อันดับของท่านเองไม่ล่วงหล่นหายไป
การวางแผนที่ดีจะนำพาท่านไปสู่กระบวนการทำงานที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพ การทำ SEO ก็เช่นเดียวกัน ถ้าเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจที่ถูกต้อง และมีการวางแผนปฏิบัติที่ดีนั้นก็หมายถึงโอกาสประสบความสำเร็จเพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วย

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Friday, July 27, 2018

7 เทคนิคการทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับดีขึ้นบน Google


เชื่อว่าทุกคนที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง หรือดูแลเว็บไซต์ให้กับแบรนด์อยู่ก็ต่างต้องการให้เมื่อ Search Google แล้วเว็บไซต์ของเราขึ้นอยู่อันดับต้นๆ เพราะมีผลโดยตรงกับการทำให้เว็บของเรามีคนเข้ามาเยอะขึ้น มีโอกาสขายของได้มากขึ้นด้วย รอบนี้ทาง Brand Buffet มีบทความ  7 เทคนิคการทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google มาแนะนำครับตามนี้
 1. วิจัยคีย์เวิร์ด (Keywords Research)
คีย์เวิร์ดเรียกได้ว่าแทบจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับใน Google เราสามารถใช้เครื่องมือของ Google ในการวิจัยคีย์เวิร์ดได้ว่าคำไหนเป็นคำที่คนนิยม Search ก่อนที่จะเข้ามาดูในเว็บไซต์ของเรา เราควรพยายามหาคีย์เวิร์ดที่มีจำนวนการค้นหาสูงๆและในขณะเดียวกันมีคู่แข่งที่ทำ adwords ในคำนั้นน้อย เพื่อเอามาทำ SEM ต่อไป และในขณะเดียวกันก็อย่าละทิ้งคีย์เวิร์ดประเภท long tail ด้วย(คีย์เวิร์ดที่คนค้นหาไม่เยอะมากแต่ก็ยังพอมี traffic) เพราะคีย์เวิร์ดประเภทนี้ถ้าเอามาใช้หลายๆคำก็ค่อนข้างมีประสิทธิภาพสูงเหมือนกัน

2. พัฒนาเทคนิค (Optimize Technically)
Google นั้นบอทจะจับอ่านข้อมูลบนเว็บในลักษณะเป็น Text และ Code
URL ของคอนเทนต์เราควรจำกัดไม่ให้เกินประมาณ 100 อักษรและใช้ตัว – (dash) ในการเชื่อมคำแทนที่จะใช้ _ (Underscore) และหลีกเลี่ยงการใช้สัญลักษณ์พิเศษต่างๆ
พยายามใช้ชื่อหัวเรื่องให้มีลักษณะเฉพาะควบคู่ไปกันกับมีคีย์เวิร์ดทั่วไปอยู่ในประโยคด้วย
หลีกเลี่ยงการทำคอนเทนต์ในเว็บที่มีลักษณะใกล้เคียงกันเกินไปเพราะอาจจะสร้างความสับสนให้กับบอทของ Google
3. ความง่ายในการใช้ (Ease of use)
ต่อให้คอนเทนต์จะดีหรือดีไซน์บนเว็บไซต์จะสวยแค่ไหนก็ตาม แต่สำหรับผู้ที่เข้ามาในเว็บไซต์ของเราถ้าเขาเข้ามาแล้วหาสิ่งที่ตัวเองอยากดูไม่เจออย่างรวดเร็ว สุดท้ายแล้วพอความอดทนหมดลงเขาก็จะทิ้งเว็บเราไปโดยปริยาย
ชื่อของคอนเทนต์ มีความสำคัญมากควรต้องทำให้ผู้อ่านรู้ทันทีว่าเขาจะได้อะไรจากคอนเทนต์นี้
ความง่ายและไหลลื่นในการไปยังหน้าอื่นๆบนเว็บไซต์ต่อ จะช่วยทำให้ผู้ที่เข้ามามีโอกาสมากขึ้นที่จะใช้เวลาบนเว็บของเราที่หน้าอื่นๆอีก
สร้างคอนเทนต์ที่ดี พร้อมกับมีการใช้คีย์เวิร์ดที่สอดคล้องกันทั้งบทความ จะช่วยดึงความสนใจของผู้ที่เข้ามาชมได้ดีขึ้น
4. คอนเทนต์มีคุณภาพ (Quality Contents)
คนชอบคอนเทนต์มีคุณภาพ บอทของ Google ก็เช่นกัน และยิ่งเป็นคอนเทนต์ที่สดใหม่ยิ่งถือว่ามีคุณภาพดี
การอัพโหลดคอนเทนต์ลงในบล็อกจะช่วยเพิ่มคุณภาพของลิงค์และเพิ่มระดับคะแนนของเว็บไซต์หลักด้วย
การโปรโมทด้วยรูปแบบ e-book จะช่วยสร้างลิงค์ใหม่ๆที่เข้ามาอ้างอิงถึงเว็บไซต์เรา
คอนเทนต์ที่นำเสนอด้วยรูปแบบ info-graphic จะช่วยดึงดูดผู้ชมให้เข้ามาในเว็บได้ง่ายยิ่งขึ้น
5. ใช้ Social Media
การมีแผนกลยุทธ์ที่ดีและมีคอนเทนต์จากเว็บที่นำมาฟีดบน Social Media สม่ำเสมอจะช่วยทำให้อันดับเว็บเราดีขึ้น สิ่งสำคัญก็คือ เราต้องเข้าใจด้วยว่ากลุ่มเป้าหมายของเราที่ต้องการให้เข้ามาดูคือใคร และจึงค่อยเลือกชาแนลที่เหมาะสมในการสื่อสารไปยังลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเรา
เทคนิคอีกอย่างหนึ่งคือพยายามค้นหาคนที่เป็น Influencer หรือมีผู้ติดตามเยอะๆและสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเขา เพราะคนเหล่านี้จะเป็นกระบอกเสียงที่ดีให้กับเราด้วย
6. สร้างการเชื่อมโยงของลิงค์ (Link Building Exercise)
การมีเครือข่ายลิงค์ที่อ้างอิงมายังเว็บไซต์เราจะช่วยเพิ่มเครดิตและอันดับของเว็บเราบน Google ให้ดีขึ้น เทคนิคอย่างหนึ่งที่ช่วยได้มากคือการใช้บล็อกของ Influencer

7. สร้างเว็บไซต์ที่เป็น Responsive หรือ Mobile Friendly
หากใครได้ติดตามบทความจาก Brand Buffet ก่อนหน้านี้ที่พูดถึงเรื่อง Google ให้อันดับเว็บดีขึ้นหาก Mobile-friendly ก็จะทราบดีว่าในปัจจุบันนี้ Google ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก คงเป็นเพราะเทรนด์ของอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบันนี้ด้วย
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Wednesday, July 25, 2018

5 ข้อห้ามในการทำ SEO ที่คุณไม่ควรพลาด !


   
 การทำ SEO สำหรับเว็บไซต์นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะทำให้เว็บไซต์นั้นอยู่หน้าแรกของการค้นหา แต่ถ้าหากทำ SEO ผิดพลาด ! นั่นก็จะทำให้เว็บไซต์ของคุณร่วงหล่นไปอยู่อันดับท้ายๆ ของ google ไปเลยก็ได้ สาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะความเชื่อผิดๆ ของคนส่วนใหญ่นั่นเอง
   สิ่งที่ควรรู้ไว้ใน การทำ SEO คือเราต้องทำด้วยความเป็นธรรมชาติ โดยมีหลากหลายปัจจัยที่จะส่งผลให้เว็บไซต์ของเราติดหน้าแรกของ Google และมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการจับอันดับด้วย ซึ่งในวันนี้ทางทีม izeeseo จึงได้นำข้อห้ามในการทำ SEO ที่คนทำเว็บไซต์จำเป็นต้องรู้ ก่อนที่จะนำพาเว็บนั้นดิ่งลงเหวครับ


1.ไป copy บทความจากเว็บไซต์อื่น

  รู้หรือไม่ว่า Google จะเข้ามาทำการเก็บเนื้อหาและเอาไปตรวจสอบว่าซ้ำกันกับของเดิมที่มีอยู่หรือไม่ เพราะถ้าหากซ้ำกันแล้วทาง Google ก็จะเลือกเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาดีที่สุด มีคนเข้ามาอ่านมากที่สุด แน่นอนว่าอันดับที่เคยติดรับรองว่ารูดลงอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นแล้วเราควรมีบทความที่แตกต่างไม่เหมือนใครและสามารถให้คนที่เข้ามาอ่านได้เอาไปใช้ประโยชน์จริงๆ จะดีกว่าครับ


2. แลกเปลี่ยน back links

  จริงๆ การแลกเปลี่ยนลิงก์นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อเว็บไซต์ของเรามากเลยนะ แต่ถ้าหากว่าเราลิงก์ไปที่เว็บไซต์ที่ไม่มีเนื้อหาที่สอดคล้องกันกับเว็บไซต์ของเรา จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพของเว็บไซต์โดยตรง นั่นก็เพราะว่า Google นอกจากจะวัดคุณภาพเว็บไซต์จากเนื้อหาในเว็บแล้ว ยังวัดจากลิงก์ไปจากเว็บไซต์ของคุณอีกด้วยเช่นกัน

3. ทำ Clocking (ข้อมูลไม่ตรงกับหัวข้อ)

  การทำ Cloaking คือการทำหน้าเว็บเพื่อหลอก Bots ของ Search Engine โดยทำเพื่อให้เว็บติดอันดับได้อย่างรวดเร็ว นั่นก็เหมือนกับการโกหก เพราะเวลากดเข้าไปอ่านจากที่หัวข้อน่าสนใจกลับกลายเป็นว่าเนื้อหาข้างในไม่ตรงปกซะอย่างงั้น วิธีการนี้ควรเลิกทำได้แล้ว อย่าคิดว่า Bot ไม่มีความฉลาดนะ เพราะ Bot ของ Search Engine ทุกวันนี้มีความฉลาดใกล้เคียงกับมนุษย์อย่างเราเลยแหละครับ

4. สแปม keyword มหาศาล

  Keyword คือคำที่ผู้คนใช้ค้นใน google เช่นคำว่า การตลาดออนไลน์ โดยหลายๆ คนโลภมาก อยากให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก เลยใส่ keyword เข้าไปในเว็บไซต์ให้มากที่สุดซึ่งภายในเว็บไซต์ก็เต็มไปด้วยคำว่า การตลาดออนไลน์ Google จึงมองว่าเป็น สแปม keyword แน่นอนว่าส่งผลกระทบทำให้เว็บไซต์ของคุณไม่มีทางได้ติดอันดับหน้าแรกเลย ดังนั้นเรื่องนี้ควรตระหนักให้มากเลยครับ

5. ห้ามมีลิงก์ใช้งานไม่ได้ในเว็บเด็ดขาด

  หากมีลิงก์ตัวใดตัวหนึ่งที่ใช้งานไม่ได้บนเว็บไซต์ของคุณก็จะทำให้เกิดผลเสียกับ SEO เหมือนกัน เพราะถ้าว่าเว็บไซต์ที่ไม่มีลิงก์เสียก็จะกลายเป็นเว็บที่ไม่มีคุณภาพ และยังทำให้เว็บไซต์ของคุณขาดความน่าเชื่อถืออีกด้วยครับ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ Search Engine ยังมองเว็บของคุณเป็นเว็บที่ไร้คุณภาพอีก จึงทำให้ลิงก์เสียนั่นเอง !
เมื่อรู้แบบนี้แล้วใครที่กำลังทำวิธีดังที่กล่าวไว้ข้างต้นอยู่แล้วก็ควรหยุดไว้เลย และอย่าลืมว่า SEO มันไม่มีสูตรสำเร็จรูป บางครั้งสูตรที่เราใช้ในวันนี้และทำได้สำเร็จ แต่ในวันข้างหน้าสูตรนี้อาจจะไม่สามารถใช้ได้แล้ว เพราะ Google พัฒนาปรับเปลี่ยนอยู่ตลอด เพื่อพัฒนาระบบการค้นหาให้แสดงผลได้อย่างดีที่สุด
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Monday, July 23, 2018

4 ข้อควรรู้ สำหรับนักการตลาดในยุคนี้ !



ในโลกธุรกิจออนไลน์ หากคุณต้องการผลกำไรและทำให้ธุรกิจเติบโตไปได้ ทักษะการเป็นนักการตลาดออนไลน์ที่ดีจะต้องติดตัวคุณไปด้วย เรามีข้อแนะนำการก้าวเข้าสู่เป็นนักการตลาดออนไลน์ในยุคนี้ ที่ประสบความสำเร็จสูงยิ่งขึ้นมาฝากกันค่ะ
1.นำการตลาดออฟไลน์มาใช้
ถึงจะมีความซับซ้อนกว่า แต่หลักการตลาดแบบดั้งเดิมคือพื้นฐานที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะการทำ SEO ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการทำธุรกิจ ประยุกต์ความรู้เดิมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่จะทำใหธุรกิจก้าวไปได้ไกลยิ่งขึ้น
2.ห้ามหยุดเรียนรู้
โลกธุรกิจออนไลน์คือ โลกแห่งการเรียนรู้ พฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพราะฉะนั้นแผนการตลาดไม่มีวันหยุดนิ่ง และเราต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เพื่อรับมือกับผู้บริโภคได้ทัน
3.รู้จักรอคอย
ความสำเร็จบนธุรกิจออนไลน์ไม่ได้ประสบความสำเร็จรวดเร็วเหมือนกันทุกคน ดังนั้น คุณไม่ควรที่จะถอดใจหรือทิ้งผลงานในระยะสั้น คุณสมบัติที่ดีของนักการตลาดออนไลน์ คือต้องเป็นผู้รอด้วยเช่นกัน
4.ความน่าเชื่อถือต้องสร้างเอง
ความน่าเชื่อถือบนโลกธุรกิจออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญ การทำการตลาดที่ดี คุณต้องให้ความสำคัญในข้อนี้ เพราะคือหัวใจหลักที่ทำให้ธุรกิจมั่นคง
นอกจากนี้ เรายังต้องตามเทคโนโลยีและโลกให้ทันกันด้วยนะคะ เพราะถ้าแม่นความรู้ในตำรา แต่ไม่สามารถนำมาประยุคใช้ในโลกดิจิทัลออนไลน์แบบนี้ได้ ก็อาจทำให้เราพลาดอะไรไปอีกหลายอย่างเลยล่ะค่ะ

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Sunday, July 22, 2018

5 ช่องทางการโฆษณาออนไลน์ที่ยอดนิยมที่สุด


   การโฆษณาออนไลน์สามารถช่วยเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ ทำให้ลูกค้ารู้จักธุรกิจของคุณ และช่วยเพิ่มยอดขายในที่สุด อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการโฆษณารายใหญ่อย่าง Google AdWords มักปรับอัลกอริทึมอยู่เสมอ ผู้ลงโฆษณาจึงต้องคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
แม้การลงโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์จะมีความท้าทายและมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่มันก็เป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพและควรเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดของคุณ ข้อดีของการลงโฆษณาออนไลน์คือ:
  • ช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว
  • โฆษณาสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก แม้ว่าคุณจะมีงบประมาณจำกัด
  • คุณสามารถนำ Keyword ชุดหนึ่งไปใช้กับการลงโฆษณาออนไลน์ได้หลายช่องทาง
  • มีรายงานสถิติผลลัพธ์การลงโฆษณาเพื่อนำไปปรับปรุงแคมเปญต่อไปได้
  • คุณสามารถกำหนดกลุ่มลูกค้าได้อย่างละเอียด
Google Adwords เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักการตลาดออนไลน์ แต่ยังมีการโฆษณารูปแบบอื่นอีกมากมายให้คุณเลือกใช้สำหรับธุรกิจของคุณ

1. Bing Ads

Bing Ads คือโฆษณาที่แสดงผลบน Bing และ Yahoo ซึ่งเป็น search engine อันดับต้นๆ รองจาก Google ผู้ลงโฆษณาสามารถเข้าถึงผู้ชมได้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งค่าใช้จ่ายยังถูกมากเมื่อเทียบกับ Google AdWords และ Facebook Ads
เทคนิคการลงโฆษณากับ Bing Ads ให้ได้ประโยชน์สูงสุดคือการระบุ keyword ที่คุณไม่ต้องการ เพื่อป้องกันไม่ให้โฆษณาไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่คุณไม่ต้องการ และลดค่าใช้จ่ายของการซื้อ keyword อื่นๆ ลง ที่สำคัญคือ คุณควรใช้คำโฆษณาหลายชุด และพยายามปรับปรุง keyword ให้ดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ยอดคลิ๊กที่มากขึ้น อีกทั้งยังควรแยกเคมเปญโฆษณาสำหรับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถืออย่างชัดเจน เพื่อการบันทึกข้อมูลที่ถูกต้อง

2. Facebook Ads

ปัจจุบันมีคนไทยใช้งาน Facebook มากกว่า 40 ล้านคน ทำให้โฆษณาของคุณมีโอกาสเข้าถึงคนจำนวนมาก คุณสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายอย่างเฉพาะเจาะจงได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ ที่อยู่ อาชีพ งานอดิเรก หรือความสนใจอื่นๆ อีกทั้งยังสามารถเลือกวัตถุประสงค์ของการลงโฆษณาได้หลากหลายตามความเหมาะสม
การลงโฆษณากับ Facebook ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ตรงจุด และเริ่มลงโฆษณาด้วย content ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์กับลูกค้า ไม่เน้นการขายแบบ hard sale มากเกินไป นอกจากนี้คุณควรเริ่มต้นด้วยงบโฆษณาเพียงหลักร้อยต่อวันก่อนเพื่อทดลองกลุ่มเป้าหมาย จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มงบประมาณกับแคมเปญที่มีคนสนใจเป็นจำนวนมาก เพื่อช่วยให้คุณประหยัดเงินและเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุด

3. Twitter Ads

Twitter เป็น social media ยอดนิยมรูปแบบหนึ่งที่มีผู้คนเข้ามารับข้อมูลอัพเดทล่าสุดเกี่ยวกับแบรนด์ กลุ่มสินค้า ดารา และกิจกรรมต่างๆ ที่พวกเขาสนใจ การลงโฆษณาบน Twitter จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจหากคุณต้องการสร้างกลุ่มผู้ติดตามด้วยต้นทุนที่ไม่สูงนัก
เคล็ดลับการลงโฆษณากับ Twitter คือ ให้เลือกโปรโมทโพสต์ที่มีเนื้อหาน่าสนใจ สามารถแชร์ต่อได้ง่าย และใส่ลิงก์เว็บไซต์ของคุณเข้าไปด้วย คุณสามารถเลือกใช้ Promoted Account เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ติดตาม และใช้ Promoted Trend เพื่อให้ผู้คนแชร์โพสต์ของคุณโดยใช้แฮชแทกที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ

4. LinkedIn Ads

โฆษณาบน LinkedIn จะมีรูปแบบการทำงานคล้ายกับโฆษณาบน Facebook คือโฆษณาของคุณจะแสดงผลต่อกลุ่มเป้าหมายที่คุณกำหนดไว้เท่านั้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นผู้คนในวัยทำงานหลากหลายอาชีพที่มีความสนใจคล้ายกัน
คุณสามารถทำให้โฆษณาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากได้ เช่น ลงประกาศรับสมัครงานในตำแหน่งพิเศษที่ไม่ได้มีประกาศในเว็บอื่นๆ ทั่วไป โฆษณาจะมีประสิทธิภาพสูงสุดก็ต่อเมื่อคุณเลือกใช้รูปภาพประกอบที่น่าสนใจ และกำหนดงบประมาณมากพอที่จะให้โฆษณาของคุณไปอยู่ในตำแหน่งที่มีผู้คนเห็นเป็นจำนวนมาก

5. Instagram Ads

Instagram เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ให้ลูกค้าได้รับรู้ผ่านทางรูปภาพได้ โฆษณาบน Instagram มีรูปแบบที่เรียบง่าย แต่โดดเด่นและสะดุดตา เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักโดยเน้นภาพถ่ายของสินค้าเป็นหลัก เช่น ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น หรือเครื่องสำอาง
คุณสามารถเลือกลงโฆษณาได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพแบบสี่เหลี่ยมจตุรัสหรือแนวนอน วิดีโอที่มีความยาวสูงสุด 60 วินาที และโฆษณาแบบภาพสไลด์ที่ให้ผู้รับชมสามารถเลื่อนดูรูปภาพและวิดีโอเพิ่มเติมได้ในโฆษณาเดียว
โฆษณาแต่ละช่องทางมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป สิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงโฆษณาออนไลน์คือการเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุด
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Thursday, July 19, 2018

13 กลยุทธ์ในการทำ SEO อันล้าสมัยที่คุณควรหลีกเลี่ยง




วันนี้เราจะมานำเสนอถึง 13 กลยุทธ์ในการทำ SEO อันล้าสมัยที่คุณควรหลีกเลี่ยง ซึ่งกระบวนการทำ SEO หรือ search engine optimization ในทุกวันนี้ยังมีผู้เข้าใจผิดให้เห็นอยู่ตลอด เราลองมาดูกันดีกว่าว่าความเข้าใจผิดในการทำ SEO ที่ผู้ที่ไม่รู้ หรือแม้แต่ผู้ที่รู้ก็ยังทำ เอ..หรือว่าชอบสายดำ!

1. ลิงค์จากรวมเว็บสารบัญ (Web Directory)


ไดเรกทอรีลิงก์โดยทั่วไปในทุกวันนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์แล้ว ยกเว้นแต่เว็บไดเรกทอรีที่มีคุณภาพสูงเฉพาะเจาะจง และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ด้านบรรณาธิการที่เข้มงวดซึ่งเดี๋ยวนี้หายากมาก
ก่อนที่ Search Engine อย่างกูเกิ้ลจะชาญฉลาดในทุกวันนี้ เมื่อสมัยก่อนจะมีเว็บไดเร็คทอรี่ต่างๆ มากมายเพื่อให้ผู้คนสามารถหาสิ่งที่ต้องการได้โดยง่าย เว็บไซต์ไดเรกทอรีในสมัยนั้นจึงเป็นที่นิยมอย่างมาก อย่างเมื่อก่อนมี Dmoz กับ Yahoo แต่เดี๋ยวนี้ตายกันไปหมดแล้ว
จนมาสมัยนี้เนื่องจากผู้ใช้ไม่ได้นิยมเว็บไดเร็คทอรี่ และเริ่มหันไปใช้งาน search engine แทน จึงเริ่มห่างหายไปจากเว็บไดเรกทอรี ในที่สุดมันก็เลยกลายเป็นพื้นที่รกร้าง และเป็นแหล่งรวบรวมลิงก์ที่มีคุณภาพต่ำซึ่งส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณถูกลงโทษได้

2. Google เลิกสนใจชื่อ Domain name

ในสมัยก่อนผู้ที่อยู่ในวงการ SEO จะรู้กันดีว่าหากเราเลือกชื่อเว็บไซต์ (Domain Name) ได้ตรงกับ Keyword ที่ต้องการแล้ว เว็บไซต์นั้นจะมีโอกาสทำอันดับได้ดีใน Google อย่างแน่นอน
ตัวอย่างโดเมนที่ตรงกับคีย์เวิร์ดหลักเช่น:
residentialarchitectmiami.com
tampacontractor.com
airconditioningrepairstpete.com
แต่ในปัจจุบัน Google ได้ลดความสำคัญของชื่อโดเมนในการทำ SEO และให้ความสำคัญกับคุณภาพของเว็บไซต์ และเนื้อหาของเว็บไซต์มากขึ้นแทน ซึ่งตอนนี้หากใครที่มีเว็บไซต์ที่มีชื่อโดเมนตรงกับ Keyword ที่ต้องการ และอยู่ในอันดับที่ดีอยู่ ก็ให้เตรียมตัวปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ ก่อนที่จะเสียอันดับไป

3. การแลกลิงค์



Google ได้ลดความสำคัญของปัจจัยการจัดอันดับจากจำนวนลิงค์ลงไป แต่ยังคงให้ความสำคัญกับมันอยู่ โดยหันไปเน้นที่คุณภาพของลิงค์เป็นหลักแทน มิหนำซ้ำยังเพิ่มบทลงโทษกับการสร้างลิงค์ (Backlink) ที่ไม่มีคุณภาพเข้ามาอีก ซึ่งมีผลโดยตรงกับการจัดอันดับเว็บ
ดังนั้นการทำลิ้งค์เชื่อมโยงซึ่งกันและกันแบบว่าถ้าคุณใสลิ้งค์ให้ฉัน ฉันจะใส่ลิ้งค์กลับให้คุณ ซึ่งมันเป็นวิธีแบบโบราณที่สมัยก่อนนิยมใช้กัน ถึงแม้อีกเว็บไซต์นึงจะไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกันเลย และไม่มีประโยชน์กับผู้เข้าชม

4. การทำ URL แบบเนื้อหาระดับเดียวกันหมด

หากคุณใช้งาน WordPress (หรือเว็บไซต์ประเภทอื่น) ค่าเริ่มต้นที่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าควรต้องเปลี่ยน ดังนั้นเราควรต้องปรับให้มันดีขี้นในการทำ SEO ซักหน่อย
ตัวอย่าง 1: http://domain.com/page1/
เทียบกับ
ตัวอย่าง 2: http://domain.com/topic1/page1/
โครงสร้าง URL แบบตัวอย่าง 1 ทำให้ Search Engine เข้าใจลำดับชั้นของเว็บไซต์ของคุณได้ยาก เนื่องจากทุกหน้าของคุณอยู่ในระดับที่เท่ากันหมด ในขณะที่โครงสร้าง URL ตัวอย่าง 2 มีความชัดเจน และสื่อสารความสำคัญของแต่ละหน้าในเว็บไซต์ของคุณได้ดีกว่า
สิ่งสำคัญคือต้องคิดให้ดีก่อนที่จะเขียนคอนเทนต์ หรือบทความต่อไปในอนาคต เพราะการเปลี่ยน URL ในภายหลังหมายความว่ามันจะเปลี่ยนเส้นทางหน้าเว็บไซต์ของเราทั้งหมด และอาจทำให้คุณสูญเสียในการจัดอันดับบน Search Engine จากที่เคยติดดีอยู่แล้ว

5. การใช้ Blog สำหรับสร้าง Link เกินความจำเป็น

การเขียน Blog นั้นเป็นการประชาสัมพันธ์แบบดั้งเดิม และคุณก็ต้องยกระดับเรื่อยๆ เพื่อให้มีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณมากขึ้นโดยการเผยแพร่บทความของคุณไปใน Blog ต่างๆ ที่ฟรี เพื่อแสดงให้ผู้อ่านนั้นได้เห็นถึงความเชี่ยวชาญของคุณ และเป็นการสร้างแบรนด์ในตัวบุคคล รวมไปถึงในการสร้าง Backlinks
ในระยะแรกๆ คุณอาจจะเผยแพร่บทความไปยัง Blog ต่างๆ เพื่อที่จะทำให้ Google ชอบและเข้ามาจับบทความของคุณ โดยการเพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากลิงก์เป็นส่วนสำคัญที่เย้ายวนใจในการทำ SEO คุณก็เริ่มจะทำลิงก์กลับไปหาตัวเองเพิ่มมากขึ้น มากขึ้น
และถ้าคุณไปโพสตามเว็บลงประกาศโฆษณา รวมถึงตามเว็บบอร์ดต่างๆ แบบเยอะๆ ไม่เลือกที่ เพื่อหวังจะเป็นการสร้าง Backlink จึงเป็นเทคนิคที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะมันแทบไม่มีผลต่อการทำ SEO อีกทั้งอาจจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี หากถูก Google มองว่าเป็นการสแปม ซึ่งในระยะหลังหาก Google เริ่มจับทิศทางได้ว่าเป็นการแสปมลิงค์ เว็บไซต์คุณจะถูกลงโทษโดยการลดอันดับจนไปถึงแบนเว็บไซต์ ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์นั้นจะต้องเริ่มต้นใหม่ในโดเมนใหม่ซึ่งมันไม่คุ้มเลย

6. การใช้ Keyword ซ้ำซาก

หลายๆ คนใช้ทางลัดโดยการให้หน้าเนื้อหาของตัวเองนั้นมี Keyword ที่ซ้ำๆ ถี่ๆ เพื่อที่จะให้ติดอันดับ SEO ได้ง่ายมากขึ้น แต่อยากจะบอกว่าการมีคำซ้ำมากๆ นั้นไม่เป็นผลดีต่อการทำ SEO ในระยะยาว เพราะผู้เยี่ยมชมนั้นจะไม่สนใจ และมองว่าเป็นเนื้อหาที่ไร้สาระ การวางแผนว่าจะวาง Keyword อยู่ที่ไหนและใช้อย่างไรนั้นเป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญอย่างมากใน SEO การใช้ Keyword แบบดังกล่าวนั้นเป็นการทำ SEO ที่ไม่ดี ซึ่งในการทำ SEO ในลักษณะเช่นนี้เรียกว่า keyword stuffing ซึ่งวิธีการทำเช่นนี้จะทำให้ Google จับตาดูเป็นพิเศษ และถือว่าเป็นการทำ SEO แบบสายดำอีกด้วย

7. ข้อความไม่ตรงกับ Anchor text

Anchor text เทคนิคที่คนทำ SEO รุ่นใหญ่รู้จักกันดี เพราะมันเป็นส่วนสำคัญในขั้นตอนของการสร้าง text link หรือจะเรียกว่าการใส่คีย์เวิร์ดลงไปในลิงค์นั่นเอง สำหรับการทำ SEO ถ้าคุณใช้ Anchor Text แบบผิดๆ อันดับอาจจะร่วงหายไปจาก Google แต่ถ้าคุณใช้อย่างสร้างสรรค์ ไม่แน่ว่าอันดับอาจจะดีขึ้นมาก็เป็นได้
ในการใช้ anchor text นั้นคุณควรที่จะระวังเรื่อง Keyword ที่ใช้ Anchor Text เดิมซ้ำกันหลายครั้งเพราะว่า Google อาจที่จะมองว่าเป็นการสแปม ควรใช้ Anchor Text ที่ผสม Keyword อื่นๆ ที่ใกล้เคียงกันบ้าง อย่าสร้าง Backlink ที่มี Anchor Text เหมือนเดิมซ้ำๆ ทุกครั้งเพราะมันจะทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติในสายตาของ Google
และการสร้าง link ที่ดีควรเป็นเนื้อหาให้มีความเกี่ยวข้องและเป็นธรรมชาติกับ Anchor text และ เว็บไซต์ที่จะลิงค์ออกไปให้มากที่สุด เพราะเนื้อหาที่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับ Anchor text และ เว็บไซต์เป้าหมายที่ลิ้งค์ออกไปนั้นจะทำให้เสียคะแนนความน่าเชื่อถือไป จึงควรเขียนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน

8. สร้างจำนวนของหน้ามากเกินไปเพื่อหวัง SEO

วิธีการสร้างหน้าเว็บแยกต่างหากสำหรับคีเวิร์ดหลายๆ คำ หรือเนื้อหาที่เขียนขึ้นจำนวนเยอะๆ หรือ doorway page ก็ดี เพื่อหลอก Search Engine Bot โดยไม่ได้คำนึงถึงคนอ่านนั้นใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้วเพราะ Google จะทำการคัดกรอง คัดแยก จัดกลุ่ม คำค้นหา ที่แปลกใหม่เหล่านี้ได้แบบอัตโนมัติ โดยใช้ “RankBrain”
RankBrain คือเทคโนโลยีภูมิปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ถูกพัฒนาโดย Google และถูกนำมาใช้ในการช่วยจัดอันดับผลการค้นหา นอกจากนี้ยังสามารถช่วย Google จัดอันดับหน้าเว็บสำหรับ keyword ที่ไม่ได้อยู่ในเนื้อหาได้เมื่อปรากฎคำค้นหาที่ไม่คุ้นเคย โดยมุ่งเน้นในเรื่องของคำค้นหาที่ Google ไม่เคยพบเจอมาก่อนที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน

9. การซื้อลิงค์

การซื้อหรือขายลิงค์เพื่อส่งผ่าน PageRank ซึ่งรวมไปถึงการแลกเปลี่ยนเงินสำหรับลิงค์หรือการโพสต์ ถือเป็นการละเมิดหลักเกณฑ์ของ Google มานานแล้ว การซื้อขายลิงค์ ไม่ว่าทั้งทางตรง หรือทางอ้อมที่มากจนเกินไป ย่อมไม่เป็นผลดีต่อการบิดเบือนธรรมชาติของการค้นหาโดย search engine เช่นกัน เพราะอย่าลืมว่า search engine ถือว่าหน้าเว็บค้นหาของเขาคือหน้าบ้าน ถ้าหากมีการเบี่ยงเบนจากเว็บที่มีการซื้อลิ้งค์แต่ไม่มีคุณภาพยิงมาหน้าแรกมากๆ ย่อมส่งผลเสียกับเว็บไซต์ของคุณในการจัดลำดับบน search engine อย่างไม่ต้องสงสัย

10. เนื้อหาที่มีคุณภาพต่ำ

ในการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพ คุณต้องสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและน่าติดตามอย่างสม่ำเสมอ และในการทำเนื้อหาให้น่าสนใจนั้นก็คือการทำให้คนทั่วไปที่สนใจหรืออยากจะได้สิ่งที่ต้องการ เข้าใจในเนื้อหาบนเว็บไซต์ของเราได้โดยง่าย สามารถรู้ได้จากเนื้อหาที่ทำขึ้นมา นี่คือช่องทางที่จะสามารถให้ความรู้แก่ผู้อ่านได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญนั่นก็คืออย่าไปคัดลอกบทความของคนอื่นมา เพราะ Google จริงจังกับเรื่องนี้มาก เพราะว่าการที่เราไปขโมยหรือคัดลอกบทความของคนอื่นมาใช้ในเว็บไซต์ของเรา คุณอาจจะเจอ Google’s Panda ทำโทษได้ เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากในสายตาของ Google แน่นอนว่าถ้าถูก Google จับได้จะมีบทลงโทษในการทำแบบนั้นค่อนข้างรุนแรงมากเลยทีเดียว

11. เขียนให้บอทอ่านมากกว่าคน

การ Spin บทความคือการเปลี่ยนแปลงบทความที่มีอยู่แล้วในเว็บไซต์หรือข้อมูลจากที่มาอื่นๆ ให้กลายเป็นบทความใหม่ของตัวเองด้วยการเปลี่ยนแปลงคำบางคำ บิดคำนิดบิดคำหน่อย หรือใช้ประโยคเดิมแต่ให้กลายเป็นคำใหม่ที่มีความหมายที่ใกล้เคียงกันแต่กลับกลายเป็นว่าอ่านไม่รู้เรื่อง วิธีการทำแบบนี้คือการ Spin บทความ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ทำเว็บไซต์ในสายคุณภาพจริงๆ ก็ไม่ควรที่จะทำแบบนี้เลย เพราะถ้าคุณเองอ่านไม่รู้เรี่องแล้วก็คงไม่มีใครอยากเข้ามาอ่าน ดังนั้นเว็บไซต์ของคุณก็ไม่เป็นที่ยอมรับของ Google ด้วยเช่นกัน

12. link เข้ามามากผิดปรกติ

ในสมัยก่อนเป็นเทคนิคหนึ่งที่คนทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับ SEO โดยหลักการของเทคนิคนี้คือการเชื่อมโยงเว็บไซต์ภายนอก แล้วทำการส่งลิงค์เชื่อมโยงกลับมายังเว็บไซต์หลักในปริมาณมากๆ (link wheel) ซึ่งเทคนิคนี้จะช่วยดัน Keywords ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับได้เร็วขึ้น แต่สมัยนี้ Google คงไม่ปลื้มแน่ถ้าเห็นเว็บไหนทำแบบนี้ เรียกว่าไม่เนียน ไม่เนียน กลับไปทำมาใหม่ให้ดูเป็นธรรมชาติ และเว็บไซต์ที่จะ link เข้ามาต้องเป็นเว็บที่เนื้อหาสอดคล้องกับเว็บคุณด้วย

13. การทำลิ้งค์แบบอัตโนมัติ

เมื่อ link นั้นเป็นส่วนสำคัญของ SEO นักการตลาดจึงได้พยายามค้นหาวิธีสร้างลิ้งค์โดยใช้ซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่ช่วยสร้าง Backlinks อัติโนมัติ และรู้สึกว่าจะได้รับความนิยมในสายตาผู้ใช้เป็นอย่างมาก (ในสมัยก่อน) แต่ขอเตือนว่าหากเรายังไม่เข้าใจหลักการทำ SEO ในระดับเบื้องต้นดีพอ เราควรจะเลี่ยง SEO Link Building Tools จะดีกว่า เพราะมันจะนำพาความเสียหายมายังเว็บไซต์เราแน่นอน

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้