Wednesday, November 28, 2018

การตลาดออนไลน์ยกให้เราดูแล


ข้อดีของการทำ Google AdWords (PPC)

  •  การทำ Google AdWords ใช้เวลาภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อให้โฆษณา ปรากฎได้ทันที
  •  การทำ Google AdWords สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ทันทัน โดย
    • สามารถเลือกตลาดที่จะทำได้ เช่น ทำเฉพาะประเทศไทยประเทศเดียว หรือหลายประเทศ
    • สามารถเลือกภาษาของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ เช่น เป็นภาษาอังกฤษ ภาษาจีน หรือ ภาษาอื่นๆ ก็ได้
    • สามารถเลือกได้ว่าจะแสดงผลที่ใดบ้าง เช่น ใน Google อย่างเดียว, บริการทุกอย่างของ Google (Google Content Network) และ Partner ของ Google ก็ได้
  •  การทำ Google AdWords ไม่ต้องเสียเวลาการปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์
  •  การทำ Google AdWordsสามารถเลือกช่วงเวลาที่จะแสดงโฆษณาในแต่ละวันได้
  •  การทำ Google AdWords สามารถใช้คีย์เวิร์ด ได้ไม่จำกัดจำนวนและยังสามารถแก้ไข หรือเปลี่ยน แปลงคีย์เวิร์ด และ ข้อความโฆษณาต่างๆได้ตลอดเวลา ตามต้องการ
  •  การทำ Google AdWordsสามารถกำหนดงบประมาณประจำวันได้เอง

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Google AdWords การทำโฆษณาแบบ Pay Per Click (PPC) ซึ่งเป็นการทำโฆษณาในรูปแบบหนึ่งของ Google Advertising คือ การทำโฆษณาบนหน้า Google ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการ ซึ่งเมื่อคลิกที่โฆษณานั้นก็จะลิงก์ไปยังเว็บไซต์ ที่เรากำหนดไว้ได้ทันที ซึ่งคุณจะเสียค่าใช้จ่ายเมื่อมีคนคลิกเท่านั้น แต่ถ้าชมอย่างเดียว ไม่มีการคลิก ก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยโฆษณาของคุณจะปรากฏตามคีย์เวิร์ด ที่คุณเลือก ซึ่งเว็บไซต์ของคุณจะต้อง อยู่ในส่วน Sponsored ของ Google สังเกตุจากเมื่อเราค้นหาอะไรซักอย่างจาก Google ผลที่ได้จากการค้นหาจะมีกรอบสี่เหลี่ยมอยู่ด้านบน และด้านขวาเสมอ
























ประโยชน์ของการทำ Google Adwords (PPC)

  •  การทำ Google AdWords สามารถโฆษณาได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ
  •  การทำ Google AdWords ทำให้มีคนรู้จักเว็บไซต์คุณมากขึ้น
  •  การทำ Google AdWords เพิ่มโอกาสในการขายและทำให้ผู้คนเข้าถึงธุรกิจได้มากขึ้นอย่าง รวดเร็ว
  •  การทำ Google AdWords ได้รับผลกำไรกลับคืนมาก แต่เสียค่าใช้จ่ายน้อย
  •  การทำ Google AdWords ไม่ต้องเสียเวลาในการปรับแต่งโครงสร้างของเว็บไซต์
  •  การทำ Google AdWords สามารถขยายตลาดให้ครอบคลุมทั่วโลกได้

Tuesday, November 27, 2018

ทำธุรกิจยุค 4.0อย่างไรให้รอด


การทำธุรกิจในยุค 4.0 จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงแค่ รู้สิ่งเหล่านี้ 
1. ต้องรู้และ จับจุดได้ว่าพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเปลี่ยนไปในแบบไหน
2. ต้องเรียนรู้ว่า ลูกค้ามีความต้องการอะไร
3. ตอบสนองความต้องการเขาได้หรือไม่/อย่างไร 
4.โดยต้องมีเครื่องมือ นว้ตกรรมและเทคโนโลยี ที่สามารถ “เปลี่ยนจากอากาศที่อยู่รอบตัว ให้เป็นโอกาสเราได้”
5. นวัตกรรม ไม่ใช่แค่หุ่นยนต์ เครื่องยนต์ แต่แท้จริงแล้วนวัตกรรม คือ การต่อยอดความคิดจากสิ่งที่ตัวเองมี เช่น ธุรกิจร้านอาหาร อาจต่อยอดความคิดว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าสนุกกับการทานอาหารมากขึ้น หรือจะทำหีบห่อบรรจุอาหารให้ดูทันสมัยมากขึ้น (ทำในสิ่งเดิม แต่ตอบโจทย์ลูกค้ามากกว่าเดิม) 
สิ่งเหล่านี้ถึงเรียกว่า ธุรกิจยุค 4.0 และขณะเดียวกันหลายๆคนยังคงเข้าใจผิดกันว่ายุค 4.0 คือการใช้เทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกในการขายสินค้า เพียงแค่ใช้สมาร์ทโฟนสื่อสารกับลูกค้าก็หมายความว่าธุรกิจนั้นเข้าสู่ยุค 4.0 ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิด 
โดยเทคโนโลยี 4.0 จริงๆแล้ว คือ การเชื่อมโยงความต้องการของผู้บริโภคให้สอดคล้องกับธุรกิจของเรา ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าการทำธุรกิจยุค 4.0 ถือได้ว่าไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับทุกคนแต่เป็นเรื่องใกล้ตัวที่หลายๆคนยังมองไม่เห็น เราทุกคนสามารถทำธุรกิจให้เป็น 4.0 ได้ เพียงแค่หยิบสิ่งที่ตัวเองมี คิดต่อยอดให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้นกว่าเดิม เพียงเท่านี้ธุรกิจของเราก็จะกลายเป็นธุรกิจ 4.0 แล้ว

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้


Saturday, November 17, 2018

การตลาดยุคใหม่ที่ผู้บริโภคเป็นใหญ่


เทรนด์โลกเปลี่ยน พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยน
การตลาดยุคใหม่ คือการตามเทรนด์ผู้บริโภคให้ทัน พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนตามเทรนด์โลก โดยเฉพาะคนไทยที่มีการบริโภคเพื่อไลฟ์สไตล์มากขึ้น ไม่ใช่แค่การใช้สินค้าตอบโจทย์ความต้องการ แต่ใช้สินค้าเพื่ออธิบายตัวตน ใช้เป็นตัวแทน เป็นสัญลักษณ์มากกว่าแค่ใช้งานหรือดื่มกิน พฤติกรรมคนยุคใหม่คือการบริโภคเพื่อประสบการณ์ บางประสบการณ์โลกออนไลน์ก็ให้ไม่ได้ต้องไปเจอด้วยตัวเอง ประสบการณ์จึงสำคัญในแง่ให้คนตัดสินใจว่าจะใช้หรือไม่ใช้สินค้าเรา ต่อมาคือผู้บริโภคช่างเลือกมากขึ้น และชอบความแตกต่าง ต้องการปรับแต่งสิ่งต่างๆ ให้เป็นอย่างใจตัวเอง เมื่อก่อนอาจจำกัดเฉพาะสินค้าไฮเอนด์ แต่ตอนนี้เริ่มเข้าสู่สินค้าทั่วไปแล้ว ส่วนเทรนด์ที่มาแรงตอนนี้คือเทรนด์เพื่อสุขภาพ สินค้าไทยเป็นที่เชื่อถือในตลาดโลกอย่างมาก ทั้งหมดนี้เป็นเทรนด์ของพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ที่เราต้องจับทิศทางให้ได้
 
จับตาผู้บริโภค 2 กลุ่มนี้ให้ดี
ในยุคปัจจุบันนี้ ถ้าแบ่งผู้บริโภคให้เห็นชัด จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ Aging Society (อายุ 40 ปีขึ้นไป) ซึ่งมีเงิน มีเวลา ใช้เงินไปกับ 1.การท่องเที่ยว 2. ปรับปรุงที่อยู่อาศัย ตกแต่งบ้าน โดยไลฟ์สไตล์ของคนสูงวัยนั้นแตกต่างจากคนวัยหนุ่มสาว (อายุต่ำกว่า 40 ปีลงมา) ซึ่งจะใช้เงินไปกับ 1.สินค้าอุปโภคบริโภค 2. สินค้าแฟชั่น ทั้ง 2 กลุ่มนี้มีการจับจ่ายและพฤติกรรมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากคุณคิดจะทำธุรกิจ ก็ควรเลือกว่าจะจับลูกค้ากลุ่มไหน ถ้าคิดจะจับกลุ่มผู้สูงวัย ก็อยู่กับเขาตั้งแต่อายุ 40 ปี ไปจนเขาอายุ 60 ปีและเติบโตไปกับเขา ตอบโจทย์เขาให้ได้ว่าเขาสนใจอะไร ต้องการอะไร จากนั้นพัฒนาสินค้าของเราให้โดนใจเขา
 
ทำธุรกิจยุคนี้ต้องมีพันธมิตร
เทรนด์การทำธุรกิจยุคใหม่ต้องไม่ทำคนเดียว ยุคนี้ต้องจับแบรนด์สองแบรนด์มาโคกัน มีการร่วมมือกับแบรนด์อื่นมากขึ้น อย่างเช่นจะขายคอนโด ต้องตกแต่งให้เสร็จพร้อมอยู่ โดยชวนแบรนด์ผลิตเฟอร์นิเจอร์เข้ามาช่วยกัน การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างพันธมิตร การทำการตลาดร่วมกันต่างๆ ที่ต้องร่วมมือกันและทำคนเดียวไม่ได้ นั่นก็เพื่อจะได้หาความต้องการของลูกค้าได้เฉพาะเจาะจงลงไปอีก คุณจะได้ข้อมูลบางอย่างที่คุณไม่มีในมือ ส่วนเขาก็ได้ข้อมูลจากคุณ ซึ่งทั้งสองทางจะเอื้อประโยชน์กันให้สร้างสรรค์สินค้าออกมาได้ตรงใจผู้บริโภคที่สุด
 
อยากให้ลูกค้า Loyalty ต้องรวดเร็วทันใจ
การจะทำให้ลูกค้าผูกพัน (Loyalty) กับแบรนด์ ต้องตอบสนองความต้องการลูกค้าในทันที หมดยุค CIM หมดยุคการสะสมแต้มสะสมคูปอง ยุคนี้อย่าให้ลูกค้ารอ ซื้อกาแฟ 1 แก้ว แถม 1 แก้วทันที ต้องใช้ความเร็วในการสร้างความผูกพัน ต้องให้ลูกค้า Engage เราต้องสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างระหว่างเขาใช้บริการ สร้างความเป็นชุมชนให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วม และให้พวกเขาได้สร้างประสบการณ์ระหว่างกันขึ้นมาเอง เน้นบริการหลังการขาย ต้องรวดเร็ว พร้อมช่วยเหลือและเอาใจใส่ลูกค้า ที่สำคัญต้องทำการตลาดบนโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่องด้วย 
 
เตรียมตัวสู่ Omni-Channel  
บอกลา Multi-Channel กันได้แล้ว เพราะการทำหน้าเว็บแบบหนึ่ง หน้าร้านแบบหนึ่ง เหมือนไม่เคยตกลงกันมาก่อนจะต้องไม่มีอีกต่อไป คุณต้องหา Solution ในการแก้ไข เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาใช้งานในโลกของ Omni-Channel ได้ ลูกค้าต้องเข้ามาซื้อสินค้าที่ร้านได้ตลอดเวลา เราต้องนำเสนอสินค้า บริการหลังการขาย หาช่องทางต่างๆ เพื่อให้สินค้าเราเข้าถึงลูกค้าได้ และทุกช่องทางการขายสินค้าต้องมีโปรโมชั่นเดียวกัน เชื่อมต่อกันได้ ทุกอย่างเชื่อมถึงกัน ในอนาคตเราต้องตอบโจทย์โลกดิจิตอลให้มากขึ้น รวมถึงลดกำลังการใช้คนและใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาธุรกิจ 

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Friday, November 16, 2018

Digital Marketing สำคัญอย่างไรนักธุระกิจทำไมต้องมี


Digital Marketing คืออะไรและสำคัญอย่างไร?

Digital Marketing คือ การทำการตลาดรูปแบบหนึ่ง ที่ใช้หลักการของ Marketing พร้อมนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคหรือลูกค้ามากยิ่งขึ้น เพราะ การทำการตลาดจะไม่หยุดแค่ที่โลก Offline อีกต่อไป โดยทุกวันนี้การสื่อสารกับลูกค้าผ่านสื่อโทรทัศน์ โทรศัพท์หรือหนังสือพิมพ์นั้น อาจจะไม่เข้าถึงลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายได้ดี เท่ากับสื่อออนไลน์ เพราะเนื่องด้วยการดำเนินชีวิตของคนที่เปลี่ยนแปลงไป

ธุรกิจต้องเริ่มปรับตัว

สังคมออนไลน์ในปัจจุบันยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้การเข้าถึงธุรกิจออนไลน์ เป็นไปได้อย่างกว้างขวาง รวดเร็วขึ้น และประเมินผลได้ง่ายขึ้น อีกทั้งการสร้างผลงานผ่านสื่อออนไลน์เป็นไปได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ทำให้การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เป็นไปได้ง่ายขึ้นด้วย
“ผู้ที่ปรับตัวได้ดี และแข็งแกร่งกว่าเท่านั้นจึงจะสามารถอยู่รอดได้” ในยุคปัจจุบันเราสามารถเห็นได้ว่า ในหลายๆ บริษัทเริ่มมีการตระหนัก และตื่นตัวต่อ Digital Marketing โดยมีสาเหตุเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายสำคัญในการทำกำไรให้กับธุรกิจ
เพราะในการทำ Digital Marketing นั้นเราไม่ได้เพียงแค่จะเอาโฆษณาของเราไปปล่อยไว้บนโลกออนไลน์เพียงอย่างเดียว แต่จะรวมไปถึงการสร้างประสบการณ์ต่างๆให้กับลูกค้าด้วย โดยสาเหตุสำคัญของ Digital Marketing ที่ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวมีดังนี้

1.สร้างความรวดเร็วในการสื่อสารกับลูกค้า

ความเร็วเป็นสิ่งสำคัญมากในเวลานี้ เพราะความไม่พอใจของลูกค้าสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเมื่อเกิดปัญหาและพวกเขาไม่ได้รับคำตอบ Digital Marketing จะเข้ามาช่วยลดช่องว่างระหว่างเรากับลูกค้า ทั้งในขั้นตอบการรับเรื่องร้องเรียน การตอบข้อสงสัยหรือปัญหาต่างๆ ก็จะสามารถทำได้อย่างทันท่วงทีผ่านช่องทางต่างๆของ Digital Marketing ไม่ว่าจะเป็น การ Chat ผ่านสื่อออนไลน์ หรือบนเว็บไซต์ที่สามารถติดต่อกับพนักงานได้โดยตรง จะทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ในการใช้บริการที่ดีขึ้นได้


2.การเปลี่ยนแปลงเริ่มขึ้นแล้ว และทุกคนให้ความสนใจ

Digital Marketing เป็นที่สนใจของทุกกลุ่มธุรกิจ รวมไปถึงคู่แข่งของเราด้วยเช่นกัน ในโลกการแข่งขันทางธุรกิจ มีบริษัทเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่พร้อมแย่งพื้นที่บนโลกออนไลน์ เพื่อให้เรายังสามารถอยู่รอดได้ในการแข่งขันนั้น แน่นอนว่าเราก็จำเป็นต้องใช้ Digital Marketing เข้ามาช่วยไม่ว่าจะทั้งการเพิ่มยอดเข้าชมเว็บไซต์ของเรา หรือ การเพิ่มยอดขาย เราต้องมีกลยุทธ์ในการทำ Digital Marketing ที่ดีและมีประสิทธิภาพ และยังคงภาพลักษณ์ของสินค้าและบริการไว้ได้ดีด้วย


3.เปิดโอกาสให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงจุด

เราสามารถใช้ Digital Marketing สร้างสรรค์โฆษณาต่างๆ ให้กับสินค้าและบริการของเราได้อย่างอิสระและสร้างสรรค์ยิ่งขึ้น ด้วยรูปแบบการทำการตลาดแบบ Digital Marketing เช่น การกำหนดรูปแบบเนื้อหา Content การกำหนดประเภทของสื่อ เช่น ใช้ Infographic นำเสนอเรื่องราวที่เข้าใจยาก ให้เข้าใจง่ายขึ้น เพื่อดึงดูุดความสนใจ การทำ E-mail Marketing ที่สามารถส่งถึงลูกค้า ที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ด้วยเครื่องมือการจัดกลุ่มลูกค้า การทำวิดีโอ Content เพื่อสร้างความสนุกสนาน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกว่าแคมเปญการตลาดของเราเยอะเกินไป และยังไม่รู้สึกรู้สึกอึดอัดเวลาเจอโฆษณาตามสื่อออนไลน์ต่างๆด้วย


4.โอกาสในการลดค่าใช้จ่ายลงได้

Digital Marketing นอกจากจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมธุรกิจของเราผ่านโลกออนไลน์แล้ว Digital Marketing ยังเป็นวิธีที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการทำการตลาดของเราได้อีกด้วย เพราะค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้านการตลาดบนโลกออนไลน์สามารถเพิ่ม ลด และกำหนดค่าใช้จ่าย ในแต่ละช่องทางเพื่อให้ตอบโจทย์กับจุดประสงค์ที่เราต้องการได้ อีกทั้งยังสามารถประเมินผล และวัดผลได้อย่างชัดเจน และคุ้มค่ากับค่าใช้จ่าย

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้


5 สิ่งที่ช่วยให้นักการตลาดทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ


  1. สร้างมุมมองตัวเองในแบบลูกค้า : การเข้าใจมุมมองผู้บริโภคนั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะทำให้เข้าใจว่าผู้บริโภคนั้นมีการเดินทางอย่างไรจนมาถึงการซื้อและใช้สินค้านั้น ซึ่งแน่นอนความท้าทายของนักการตลาดคือการเอาตัวเข้าไปเป็นผู้บริโภคจริง ๆ และตัดความเข้าใจของตัวเองเกี่ยวกับแบรนด์ตัวเองออก เพื่อที่จะทำให้รู้ว่าผู้บริโภคต้องเผชิญปัญหาอะไรบ้าง และสื่ออะไรบ้างที่ผู้บริโภคนั้นจะเจอเพื่อการตัดสินใจ สิ่งหนึ่งที่สำคัญในการเข้าใจผู้บริโภคคือนักการตลาดต้องเข้าใจในแต่ละ Touchpoint ที่ผู้บริโภคเจอและทำการเก็บข้อมูลเพื่อมาสร้างการสื่อสารทางการตลาดหรือการตลาดที่จะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ดีขึ้นมา รวมทั้งเอาข้อมูลทั้งหมดตรงนี้มาทำเป็นภาพใหญ่เพื่อสามารถสร้างประสบการณ์ของผู้บริโภคนั้นให้ได้ขึ้นได้ต่อไป
  2. สร้างแผนระยะสั้นและระยะยาว : ความท้าทายการตลาดอีกอย่างคือการสร้างแผนการตลาดที่ให้ได้ผลอย่างรวดเร็วกับการสร้างผลระยะยาวเข้าไว้ด้วยกัน การที่จะตัดสินใจได้ว่าจะทำอะไรก่อนหลัง หรืออะไรควรที่จะทำเป็นระยะยาวได้นั้นขึ้นกับข้อมูลที่นักการตลาดนั้นสามารถเก็บข้อมูลมาได้ เพื่อสร้างแผนการตลาดที่ควรจะเร่งทำให้เห็นผล กับค่อย ๆ สร้างกลไกของการตลาดตัวเองขึ้นมาเพื่อสามารถให้กลายเป็นสิ่งที่สามารถยืนยาวต่อไปได้ ทั้งนี้แน่นอนว่าผู้บริหารหรือการเงินบริษัทอยากเห็นยอดซื้อขายที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่การที่มียอดเข้ามาในระยะสั้นอาจจะไม่ได้ดีในระยะยาว เพราะฉะนั้นการเข้าใจความต้องการของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดว่าอยากเห็นอะไร และสามารถแผนที่สามารถบาลานซ์ได้นั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการและสามารถสร้างสิ่งที่ยืนยาวต่อไปได้ในอนาคต
  3. ทำใจว่าทุกอย่างมันวัดไม่ได้ : สิ่งหนึ่งที่แม้ว่ายุคนี้จะเป็นยุคแห่งข้อมูลนั้น นักการตลาดก็ต้องทำใจอย่างหนึ่งว่าบางอย่างมันไม่สามารถวัดออกมาได้เลยทีเดียว เช่นการที่จะวัดแผนการสื่อสารทางการตลาดส่วนหนึ่งว่าได้ผลแค่ไหนจากภาพรวม ทั้ง ๆ ที่ส่วนนั้นอาจจะเป็นส่วนประกอบเพียงเล็ก ๆ ของแผนการตลาดทั้งหมด และก่อให้เกิดความรู้สึกเชิงบวกกับผู้บริโภค แต่ไม่ได้สามารถวัดเป็นผลตัวเลขแบบที่ต้องการออกมา ทั้งนี้นักการตลาดต้องรู้จักปล่อยวางถ้างานการตลาดนั้นไม่ได้มีผลต่องบประมาณมากนักแล้วไม่สามารถวัดผลเป็นตัวเลขตามมาตรฐานได้ แต่ควรไปมองภาพรวมว่ามันสำเร็จหรือไม่
  4. วางบทบาทเนื้อหาให้ถูกต้อง : Content นั้นกลายเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากในตอนนี้ เพราะสามารถกลายเป็นการตลาดที่ดึงผู้บริโภคเข้ามาหาได้ ผ่านการส่งข้อความไปถึงตัวทั้งนี้นักการตลาดควรเข้าใจบทบาทของ Content และหน้าที่ในแต่ละช่วง Content ว่าจะทำงานอย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด และทำอย่างไรที่จะสามารถสร้างสรรค์เนื้อหาที่มีค่า ตรงใจผู้บริโภคออกมาได้ ทั้งนี้ในยุคนี้การใช้แค่อารมณ์กับความรู้สึกนั้นไม่เพียงพอ แต่ต้องใช้วิทยาศาสตร์ต่าง ๆ เข้าช่วยอย่างมากมายเพื่อสร้าง Content ที่ดีออกมา
  5. ทำงานกับเอเจนซี่ให้ดีขึ้น : สุดท้ายผู้ช่วยที่จะช่วยให้นักการตลาดทำงานได้ดีคือ Agency ซึ่งนักการตลาดต้องเริ่มมอง Agency เป็น Partner มากกว่ามาเป็นบริษัทลูกจ้าง ทำงานกับเอเจนซี่ดังเพือนร่วมงาน และต้องเข้าใจว่าเอเจนซี่นั้นก็มีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และการทำงานที่ต้องหวังผลเช่นกัน การให้งบประมาณที่สอดคล้องกับการทำงานนั้นเป็นสิ่งจำเป้น รวมทั้งการให้ข้อมูล เวลาและเป้าหมายอย่างไม่มีปิดบัง จะช่วยให้เอเจนซี่นั้นสามารถทำงานได้ตามเป้าหมายได้มากขึ้นไปอีก
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้


Tuesday, November 13, 2018

เทคนิคโปรโมทสินค้าด้วย Content Marketing


ในปัจจุบัน Social Network ถือว่ามีอิทธิพลและได้รับความนิยมอย่างมากบนโลกออนไลน์ และมันก็ส่งผลกับการทำธุรกิจด้วยเช่นกัน ในเมื่อคนส่วนใหญ่นิยมทำธุรกิจผ่านทางออนไลน์ แล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อให้คนเข้ามาในหน้าร้านค้าหรือหน้าเพจเฟสบุ๊คของเราให้ได้มากที่สุด เพราะถ้ามีคนเข้ามาดูมากโอกาสในการขายสินค้าก็จะเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเจ้าของร้านค้าจึงต้องหาวิธีโปรโมทสินค้า เพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาดูสินค้าในเพจเฟสบุ๊คให้มากที่สุด

ในที่นี้เราจะพูดถึงการโปรโมทสินค้าด้วยการทำ Content Marketing ผ่านทาง Facebook ซึ่งเป็นสื่อ Social Network ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และยังเป็นเครื่องมือการตลาดที่ต้นทุนต่ำ มีประสิทธิภาพสูง และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกลุ่ม อีกทั้งยังสามารถขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ และลูกค้าเก่าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ Facebook จึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่เริ่มทำธุรกิจหรือผู้ที่มีงบน้อย ซึ่งการทำ Content Marketing เพื่อโปรโมทสินค้านั้นไม่มีหลักการหรือข้อกำหนดตายตัวว่าต้องทำอย่างไร แต่ถ้าหากอยากโปรโมทสินค้าให้ได้ผล วิธีด้านล่างนี่แหละจะช่วยเพิ่มยอดในการเข้าชมเพจเฟสบุ๊คของคุณ และเพิ่มยอดขายให้กับคุณได้

1. เนื้อหา Content ต้องเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย
สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง คือกลุ่มเป้าหมายของเราเป็นใคร สินค้าเราคืออะไร และต้องการโปรโมทสินค้าในรูปแบบไหน แล้วจึงเลือก Content ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายพร้อมทั้งสิ่งที่ต้องการจะสื่อสารให้ตรงกับสินค้าให้มากที่สุด เพราะหากเลือก Content ที่ไม่มีประโยชน์หรือไม่เกี่ยวข้องกับสินค้าของเรามา Content นั้นก็จะไร้ความหมายและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ขึ้นมาในทันที

2. โปรโมทสินค้าอย่างสม่ำเสมอ
ระยะเวลาในการลง Content ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอีกอย่างเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าหากเราทำอย่างไม่สม่ำเสมอ คนที่ติดตามเพจก็จะไม่รู้ความเคลื่อนไหว และค่อยๆ ห่างหายไปจากหน้าเพจของเรา วิธีที่ง่ายที่สุดในการโปรโมทสินค้าในเพจเฟสบุ๊คคือ การโพสต์รูปสินค้าในรูปแบบต่างๆ อย่างน้อยวันละ 1-2 รูป ก็จะทำให้ลูกค้าเกิดความสนใจ และยังช่วยให้เพจเฟสบุ๊คของเราไม่เงียบจนเกินไป

3. เล่าเนื้อหาผ่านทางรูปภาพ
ใช้รูปภาพ หรือ Info graphic แทนข้อความที่ยืดยาวในการโปรโมทสินค้า เพราะรูปภาพจะเป็นตัวอธิบายรายละเอียดของสินค้าได้ดี มองแล้วเข้าใจง่ายโดยไม่ต้องใช้ตัวอักษร

4. โปรโมทสินค้าด้วยกิจกรรมแจกของรางวัล
ขึ้นชื่อว่าของฟรีใครๆ ก็ชอบกันทั้งนั้น หากเราต้องการจัดกิจกรรมแจกของรางวัล กิจกรรมนั้นควรเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ ทำได้ง่าย และใครๆ ก็เล่นได้ ซึ่งการกดไลค์ กดแชร์นี่แหละจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะเพิ่มช่องทางให้ลูกค้ากลุ่มใหม่เข้าถึงเพจเฟสบุ๊คของเราได้มากขึ้น
การทำ Content Marketing นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ต้องหมั่นทำการโปรโมทสินค้าให้สม่ำเสมอ และควรกระจายไปตามช่องทางที่หลากหลาย เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึง และรู้จักสินค้าของเรามากขึ้น

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Monday, November 12, 2018

กลยุทธ์การตลาดของผู้บริโภคยุคดิจิทัล



กลยุทธ์การตลาดของผู้บริโภคยุคดิจิทัล

​      ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โลกมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมาก เก่าไปใหม่มาจนแทบปรับตัวไม่ทัน โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค เครื่องมือการตลาดที่จะพิชิตใจผู้บริโภคในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปมีอะไรบ้าง มาดูกัน 

1. Content Marketing ไม่มีสาระ ไม่สนุก ปลุกลูกค้าไม่ได้ แนวโน้มของการใช้กลยุทธ์การตลาดด้วยคอนเทนต์คือ การเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหรืออุปสรรคที่คนยุคนี้กำลังประสบอยู่ในชีวิตประจำวัน โดยแบรนด์สามารถให้คำแนะนำในเรื่องนั้นๆ แทนที่จะขายสินค้า หรือบริการตรงๆ ซึ่งการใช้สาระเปิดใจลูกค้า แล้วค่อยนำเสนอสินค้าเป็นวิธีที่ถูกต้อง โดยสาระที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายๆ นอกจากจะต้องมีประโยชน์แล้ว ควรแฝงความบันเทิงเข้าไปด้วย 

2. Video Marketing คลิป 1 นาที เล่าเรื่องดีๆ ได้ล้านคำ ในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่า Facebook รุกหนักในเรื่องของการนำเสนอคลิปวิดีโอที่เล่นอัตโนมัติ เป็นแนวโน้มและโอกาสที่ธุรกิจต้องหันมาให้ความสำคัญกับการนำเสนอธุรกิจด้วยสื่อวิดีโออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะกับแนวโน้มของเทคโนโลยี 4G ที่ทำให้ข้อจำกัดเรื่องการนำเสนอคลิปวิดีโอบนอุปกรณ์เคลื่อนที่หมดไปโดยสิ้นเชิง โดยคลิปวิดีโอที่นำเสนอควรสั้นกระชับ ดึงความสนใจตั้งแต่ 5 วินาทีแรก และความยาวไม่ควรเกิน 3 นาที นอกจากนี้ ควรถ่ายทอดเรื่องราวด้วยความจริงใจ เพราะจะช่วยสะกดความสนใจของผู้บริโภคได้ 

3. Mobile Advertising คลิกง่าย ขายคล่อง จากแนวโน้มของตลาดอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ (มือถือและแท็บเล็ต) ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายความว่าหากธุรกิจจะเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มนี้ Mobile Advertising เป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด ดังนั้นผู้ประกอบการ SME จึงไม่ควรพลาดโอกาสในการทำการค้าหรือแนะนำตัวกับผู้บริโภคกลุ่มนี้ โดยการทำโฆษณาบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของธุรกิจในแต่ละครั้งควรมีเป้าหมายเดียวและชัดเจนด้วยเงื่อนไขที่ผู้บริโภคยากจะปฏิเสธ พร้อมทั้งปุ่มที่สามารถคลิกเพื่อตอบรับหรือให้ข้อมูลกับธุรกิจได้ทันที อย่าเยอะ เพราะการใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนที่ในระหว่างการเดินทาง ไม่สะดวกเหมือนกับการใช้คอมพิวเตอร์ 

      แม้ว่าแนวโน้มกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลในปี 2559 จะเน้นไปในเรื่องของการสร้างสาระ คลิปวิดีโอ และโฆษณาบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ แต่สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการ SME ควรใส่ใจคือ การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับผู้บริโภค เพื่อนำมาวิเคราะห์ความต้องการและสามารถผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการมากที่สุด 

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้


Sunday, November 11, 2018

การตลาดออนไลน์(Online Maketing) คืออะไร ?


การตลาดออนไลน์ คือการดำเนินงานหรือกิจการด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ แท็ปเล็ต หรือสมาร์ทโฟนเพื่อใช้เป็นช่องทางติดต่อกับผู้บริโภค การทำการตลาดออนไลน์ทำให้เราสามารถเจาะจงลูกค้าได้ตรงตามความต้องการ อีกทั้งยังเป็นช่องทางให้ผู้บริโภคติดต่อสื่อสารกับเราได้ตลอดเวลา

ประโยชน์ของการทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing)

1. การตลาดออนไลน์เป็นตลาดประเภท Niche Market ผู้บริโภคสามารถเจาะจงได้ว่าจะค้นหาสินค้าอะไร แบบไหน เช่น หากผู้บริโภคต้องการที่จะทำ E-Book เขาก็จะเข้าเว็บไซต์ที่รับทำ E-Book
2. เป็นการแบ่งส่วนตลาดเชิงพฤติกรรม (Behavioral Segmentation) ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะใช้บริการกับใคร แบบไหนก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ ซึ่งหากลูกค้าทราบว่าการใช้บริการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์นั้นง่ายกว่าการที่ต้องออกเดินออกจากบ้านไปหาสินค้า แน่นอนว่าพวกเขาก็จะเลือกวิธีที่สะดวกสบายที่สุด
3. ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าต้องการสินค้า แบบไหน สีอะไร ซึ่งความต้องการของแต่ละคน ย่อมแตกต่างกันออกไป
4. มีลูกค้าอยู่ทุกมุมโลก การตลาดออนไลน์ ทำให้เรา สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลก ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม
5. การตลาดออนไลน์ ทำให้เราเหมือนมีพนักงานที่สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีวันหยุด ซึ่งเมื่อเทียบกับการจ้างคนมาทำงานให้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว จะต้องใช้คนมากกว่าสองคนขึ้นไป
6. สามารถให้ข้อมูลลูกค้าได้มากเท่าที่เราต้องการ การการตลาดออนไลน์ทำให้เราสามารถให้ข้อมูลสินค้าหรือธุรกิจของเราได้เท่าที่เราต้องการ ยิ่งเราลงรายละเอียดมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
7. การตลาดแบบผสม การตลาดออนไลน์เป็นการตลาดแบบผสมเพราะสามารถสร้างกิจกรรม สร้างโปรโมชั่น เป็นช่องทางสื่อสาร และติดต่อลูกค้าได้
8. การตลาดแบบ 2-way ด้วยการตลาดแบบ 2-way ทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายผ่านช่องทางการติดต่อผ่านสื่อการตลาดออนไลน์
9. ใช้ต้นทุนต่ำ การตลาดออนไลน์ทำให้เราไม่ต้องเสียเงินจำนวนมากๆในการสร้างหน้าร้านขึ้นมา ซึ่งต้องเสียแรง เสียเวลา เสียเงิน ในการไปเช่าสถานที่ จ้างคน หรือพนักงาน เราสามารถจัดทำเป็นแคตตาล็อกออนไลน์เพื่อนำเสนอให้กับลูกค้า ซึ่งสามารถเปิดดูได้ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำให้เราแทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังสามารถแสดงผลได้อย่างสวยงามอีกด้วย
10. สินค้าสามารถถูกจัดส่งได้อย่างรวดเร็ว เช่น เพลง หนัง หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้

Thursday, November 8, 2018

SEO สำหรับ เว็บไซต์ E-Commerce ep5

SEO สำหรับ เว็บไซต์ E-Commerce ep5 มีการสร้างลิงก์เชื่อมโยงที่ไม่เป็นธรรมชาติ ซื้อ backlink


สิ่งที่สำคัญอีกอย่างในการทำ SEO ก็คือ การสร้างลิงก์เชื่อมโยงเข้ามาภายในเว็บไซต์และเชื่อมโยงจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง เป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่เป็นที่น่าเสียดายเพราะเว็บไซต์ส่วนใหญ่พยายามสร้างลิงก์ขึ้นมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ แทนที่จะได้ลิงก์ที่มีคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณ การแก้ไขอย่าพยายามสร้างลิงก์ที่ไม่เป็นธรรมชาติเข้าหาเว็บไซต์มากเกินไป อาจทำให้เว็บไซต์ของคุณนั้นตกอันดับ หรือแย่สุดก็หายจาก google เลยก็ได้ ดังนั้น การใส่ backlink ควรใส่ที่มี ค่า PR สูง หรือ เว็บบอร์ดที่คุณภาพ หากเราเข้าใจแล้ว ก็เริ่มทำได้เลย
1. หาเว็บบอร์ดคุณภาพ
2. เขียนบทความ
3.เชื่อม backlink

บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้


Wednesday, November 7, 2018

Marketing 4.0 จริงๆ แล้วคืออะไรกันแน่ ?


หลายคนให้คำจำกัดความของ Marketing 4.0 ไว้มากมายค่ะ แต่ถ้าให้พูดแบบเข้าใจง่ายๆ เลยก็คือ การตลาดที่เอาเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคหรือลูกค้ามากยิ่งขึ้น การขายของ หรือการทำการตลาดจะไม่หยุดแค่ที่หน้าร้านอีกต่อไป แต่มันจะก้าวมาสู่โลกออนไลน์ด้วย ดูเผินๆ อาจดูเหมือนการตลาดที่เกี่ยวข้องกับอะไรก็ได้ที่เรียกว่าเทคโนโลยี แต่ความจริงแล้วเทคโนโลยีไม่ใช่หัวใจสำคัญของการตลาด 4.0 เพียงอย่างเดียวค่ะ แต่มันคือการตลาดที่มี “มนุษย์” เป็นจุดศูนย์กลางด้วย เพราะต้องอย่าลืมว่า เรากำลังใช้เทคโนโลยีให้เข้าถึงลูกค้าที่เป็น “มนุษย์” เรานี่เอง

หลายคนคงเคยได้ยินทั้ง Marketing 4.0 และ Thailand 4.0 กันใช่ไหมคะ 4.0 เหมือนกัน แล้วมันมีความเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนค่ะว่า Thailand 4.0 คืออะไร  “Thailand 4.0 คือ โมเดลพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยค่ะ” ซึ่งก่อนจะมาถึง 4.0 มันก็จะมี 1.0 เน้นทางลงทุนทางเกษตรกรรม 2.0 เน้นอุตสาหกรรมเบา แต่หันมาใช้แรงงานจำนวนมากแทน 3.0 ยุคของอุตสาหกรรมหนักและการส่งออก ส่วน Thailand 4.0 จะเน้นการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมนั่นเองค่ะ
หลักการของ Thailand 4.0 จะเน้นอยู่ 3 เรื่องใหญ่ๆ คือ
1.) เปลี่ยนแปลงจากการผลิตสินค้าทั่วไป เป็นสินค้าเชิงนวัตกรรมมากขึ้น
2.) มีการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์มาใช้ในอุตสาหกรรม
3.) เปลี่ยนจากประเทศที่รับจ้างการผลิตในเชิงอุตสาหกรรม เป็นการเน้นภาคบริการมากกว่าเดิม
ส่วน Marketing 4.0 นั้นเป็นคำที่โด่งดังขึ้นมา จากหนังสือ Marketing 4.0 เขียนโดย Philip Kotler
แม้จุดกำเนิดจะต่างกัน แต่ว่าคอนเซปต์ 4.0 ของทั้งคู่ก็มีส่วนเกี่ยวโยงกัน ตรงที่เอาเรื่องของเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ตัวอย่างเช่น การเกษตรแบบดั้งเดิม ที่ใช้แรงงานคนในการเก็บเกี่ยว ก็จะหันมาใช้เทคโนโลยี ใช้อุปกรณ์ช่วยเก็บเกี่ยวที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มผลผลิตมากขึ้นกว่าเดิม หรือจะเป็นกลุ่มธุรกิจ SMEs ธรรมดา ก็จะยกระดับให้กลายเป็น SMEs ผสมกับ Startups ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ
บริการสำหรับลูกค้าต้องการทำโฆษณา ติดหน้าแรก google/Facebook/IG และเรายังสามารถ รับสอน seo ขั้นพื้นฐานได้ และอยาก รับทำ seo เราก็จะจัดให้